วิญญาณ คู่บารมี "หลวงปู่มั่น" ตามติด !!! วนเวียน ข้างกายมาหลายภพชาติ แวะเวียนฟังธรรมจนได้ไปเกิดบนสวรรค์ !!!

ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/partiharn99/

เมื่อหลวงปู่มั่นทำลายสังสารวัฏลงได้อย่างเด็ดขาดแล้ว ท่านก็ยังเล่าต่อไปอีกว่า ขณะนั้นเหมือนโลกธาตุทั้งมวลบังเกิดความเลื่อนลั่นหวั่นไหว

เทวบุตรและเทวธิดาทั่วทั้งหมดนั้นต่างก็ประกาศก้องสาธุการ เสียงสะเทือนสะท้านไปทั่วทั้งจักรวาล ทั้งในคืนนั้นและคืนถัดมา เหล่าเทพทั้งหลายต่างก็มาปรากฏกายเพื่อขอเยี่ยมคารวะและฟังธรรมเทศนา

“... ในคืนวันนั้น ชาวเทพทั้งหลายทั้งเบื้องบนชั้นต่างๆ ทั้งเบื้องล่างทุกสารทิศทุกทาง หลังจากพร้อมกันให้สาธุการประสานเสียงสำเนียงไพเราะเสนาะโสตจนสะเทือนโลกธาตุเพื่อประกาศอนุโมทนากับท่านแล้ว ยังพร้อมกันมาเยี่ยมฟังธรรมจากท่านอีกวาระหนึ่ง แต่ท่านไม่มีเวลารับแขก เพราะภารกิจเกี่ยวกับธรรมขั้นสูงสุดยังไม่ยุติลงเป็นปกติ ...

... ในคืนต่อมา ชาวเทพทั้งหลายที่มีความหิวกระหายในธรรมได้พากันมาเยี่ยมท่านเป็นพวกๆ ทั้งเบื้องบนเบื้องล่างแทบทุกทิศทาง

ต่างพวกก็มาเล่าความอัศจรรย์แห่งรัศมีและอานุภาพแห่งธรรมของคืนวันนั้นให้ท่านฟังว่า เหมือนสวรรค์วิมาน พิภพ ครุฑ นาค เทวดา อินทร์ พรหม ยม ยักษ์ ทุกชั้นภูมิในแดนโลกธาตุสะเทือนสะท้านหวั่นไหวไปตามๆ กัน พร้อมกับความอัศจรรย์ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนส่งแสงสว่างไปทั่วแดนโลกธาตุ ไม่มีอะไรปิดบัง เพราะความสว่างไสวแห่งธรรมที่พุ่งออกมาจากกายจากใจของพระคุณเจ้ายิ่งกว่าความสว่างของดวงอาทิตย์ร้อยดวงพันดวงเป็นไหนๆ ...”

วิญญาณ คู่บารมี "หลวงปู่มั่น" ตามติด !!! วนเวียน ข้างกายมาหลายภพชาติ แวะเวียนฟังธรรมจนได้ไปเกิดบนสวรรค์ !!!

หลังจากเหตุการณ์ที่เทพทั้งหลายแวะเวียนกันเข้ามาเปล่งสาธุการและขอฟังธรรมเทศนาจากหลวงปู่มั่นแล้ว หลวงตามหาบัวก็ยังเล่าถึงอีกเหตุการณ์หนึ่งเป็นกรณีพิเศษด้วย เหตุการณ์ที่ว่านี้ก็คือ ผู้ที่เป็น “คู่บารมี” ของหลวงปู่มั่นทุกภพทุกชาติได้เดินทางมาพบท่านหลังจากที่บรรลุธรรมแล้ว

หลวงปู่มั่นเล่าให้หลวงตามหาบัวฟังถึง “คู่บารมี” ท่านนี้ว่า ตั้งแต่สมัยที่ภูมิธรรมของท่านยังไม่ถึงระดับพระอรหันต์ “คู่บารมี” นี้ได้แวะมาเยี่ยมท่านทางสมาธิภาวนาเสมอ แต่ก็มาในรูปของ “ดวงวิญญาณ” ไม่ปรากฏร่างกายให้เห็นเหมือนกับที่ภพภูมิอื่นๆ เขาเป็นกัน

เมื่อหลวงปู่มั่นถาม ดวงวิญญาณนั้นก็ตอบว่า ที่ยังไม่ได้ไปเกิดในภพภูมิที่เป็นหลักแหล่ง เช่น โลกมนุษย์หรือแดนสวรรค์ แต่ยังคงวนเวียนอยู่ใน “ภพย่อย” ที่ละเอียดภพหนึ่งในระหว่างภพทั้งหลาย ก็เพราะว่ายังเป็นห่วงและอาลัยในตัวหลวงปู่มั่นอยู่

วิญญาณ คู่บารมี "หลวงปู่มั่น" ตามติด !!! วนเวียน ข้างกายมาหลายภพชาติ แวะเวียนฟังธรรมจนได้ไปเกิดบนสวรรค์ !!!

อีกทั้งยังกลัวว่าท่านจะหลงลืมความสัมพันธ์แต่หนหลังและความปรารถนา “พุทธภูมิ” ที่เคยตั้งไว้ร่วมกัน ประหนึ่งเป็น “คำสัญญา” ที่เคยมีต่อกันมานานแสนนานในสังสารวัฏอันไกลโพ้นนี้ (ซึ่งหลวงปู่มั่นก็บอกว่า บัดนี้ท่านได้ของดความปรารถนาในพุทธภูมิแล้ว และขอมุ่งมั่นปฏิบัติตนเพื่อพ้นทุกข์ให้ได้ในชาตินี้)

หลวงปู่มั่นเล่าว่า ยามใดที่ดวงวิญญาณนี้มาพบ ท่านก็แสดงธรรมให้พอสมควร แล้วก็สั่งให้กลับไป และยังบอกอีกว่าอย่ามาบ่อย แม้ว่าไม่อยู่ในวิสัยที่จะสร้างความเสียหายต่อกันได้แล้ว แต่ก็อาจเป็นเหตุให้การปฏิบัติล่าช้าได้ ซึ่งในครั้งสุดท้ายที่ดวงวิญญาณนี้มาพบเกิดขึ้นหลังจากที่หลวงปู่มั่นบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วนั่นเอง

ดวงวิญญาณกล่าวกับหลวงปู่มั่นในวันนั้นว่า ในคืนที่ท่านตัดขาดภพชาติและทุกข์ทั้งปวงจนรู้กันไปทั่วทุกแห่งหนในโลกธาตุ แต่แทนที่จะชื่นชมยินดีและอนุโมทนาสาธุการ ตนกลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่าท่านทิ้งตนโดยไม่เหลียวแล

หลวงปู่มั่นจึงสนทนาโต้ตอบกับดวงวิญญาณนั้นด้วยความเมตตา กระทั่งดวงวิญญาณเกิดความเข้าใจจนสามารถสลัดตนให้หลุดจากความห่วงหาอาลัย และลาจากไปในที่สุด

หลังจากนั้นไม่นาน ดวงวิญญาณนั้นได้กลับมาพบหลวงปู่มั่นอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นการกลับมาในร่างของเทวดาผู้งามสง่าที่มาพร้อมกับความสำนึกซาบซึ้งในพระคุณของหลวงปู่มั่นว่า เหตุที่ตนได้เสวยสุขอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้นล้วนเป็นผลมาจากการที่หลวงปู่มั่นมักจะชักชวนให้สร้างบุญสร้างกุศลตลอดระยะเวลาที่ได้ครองคู่อยู่ร่วมภพชาติกันนั่นเอง

วิญญาณ คู่บารมี "หลวงปู่มั่น" ตามติด !!! วนเวียน ข้างกายมาหลายภพชาติ แวะเวียนฟังธรรมจนได้ไปเกิดบนสวรรค์ !!!

อ้างอิงข้อมูลจาก - วินาทีบรรลุธรรม พระอรหันต์มีจริง เล่มที่ 1 โดย เธียรนันท์