"กลิ่นหึ่ง"..!? ชาวบ้านโวย นโยบายรัฐ ไม่ตอบโจทย์ อยากเรียกร้องให้ สตง. และ ปปช. เข้าตรวจสอบด่วน เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับชาวบ้านด้วย

วันนี้(24 พ.ย.60)ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน หลายๆหมู่บ้าน และผู้ประกอบการค้าขาย หลายๆเจ้า ว่า การเสนอโครงการ กทบ.ไม่ได้รับความเป็นธรรม อ้างเจ้าหน้าที่เครือข่าย กทบ.เมืองสุรินทร์ ชี้เป้า ล็อกสเป็ก ให้ซื้อสินค้า เฉพาะเจาะจง เพียง ร้านใด ร้านหนึ่ง และร้านเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นห้างยักษ์ เครือข่ายอดีต นักการเมือง วอนสื่อ ลงพื้นที่ สุ่ม สำรวจและตรวจสอบ ข้อเท็จจริง เพื่อนำเสนอข่าว

 

ผู้สื่อข่าวรุดลงพื้นที่ ตรวจสอบ ในหลายๆพื้นที่ ซึ่ง จ.สุรินทร์ มี กองทุนหมู่บ้าน ทั้งสิ้น เป็นจำนวน 2,148 แห่ง แยกเป็น 2,120 หมู่บ้าน 25 ชุมชนเมือง และหน่วยทหาร จำนวน 3 แห่ง พบว่า กองทุนหมู่บ้าน มีการบริหารจัดการที่ไม่เป็นระบบ จัดการกองทุนแบบพวกใครพวกมัน โดยมีการกระจายเงินกองทุน ตามชุมชนหมู่บ้านต่างๆ ซึ่งแต่ละหมู่บ้านจะต้องมีคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายผ่านการเลือกตั้งจากคนในชุมชน มีสำนักงาน หรือ อำเภอรับรอง จึงจะได้เงินกองทุนหมู่บ้านให้นำไปบริหารจัดการ

 

หลายๆกองทุนหมู่บ้าน มีการบริหารจัดการ กันเอง และนำเสนอโครงการเพื่อขออนุมัติ อยากได้สินค้าที่ชุมชนต้องการ และมีประโยชน์จริงๆ กับพบว่า มีการกฎเกณฑ์ต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่เครือข่าย กองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) ในการตรวจสอบเอกสาร และขั้นตอน ที่ยุ่งยาก ซับซ้อน สุดท้าย โครงการก็ตกไป ทั้งนี้ พบว่า ตัวแทนชาวบ้านหลายพื้นที่ใน จ.สุรินทร์ เคยทำหนังสือไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม จ.สุรินทร์ แต่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ดำรงธรรมฯว่า ไม่อาจดำเนินตรวจสอบให้ได้ เนื่องจากหัวหนังสือโครงการ และเนื้อหาไม่ตรงกัน จึงเกิดความสงสัยว่า เมื่อเกิดเงื่อนงำอย่างนี้ ทั้งหนังสือทางราชการผิดพลาด และโครงการประชารัฐ โครงการกองทุนหมู่บ้าน (กทบ.)ส่อทุจริต ชาวบ้านไม่สามารถร้องเรียนได้ แล้วจะให้ไปขอความเป็นธรรมจากใคร จึงอยากเรียกร้องให้ สตง. และ ปปช. เข้าตรวจสอบด่วน เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับชาวบ้านด้วย

 

นายสมาน แม้นศรี ประธานกองทุนหมู่บ้านแกใหญ่ ม.12 ต.แกใหญ่ อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า ปัญหาที่พบในขณะนี้ หจก. เขาก็จี้ตน หลังทำเสนอราคาว่าจะซื้อ สินค้า ตามที่มีการเสนอราคามาให้ คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) ต้องส่งเอกสารไปทางอำเภอ ตนส่งเอกสารของ บริษัท หนึ่งไป หลังจากการสอบราคามาแล้วหลายแห่ง ส่งให้เจ้าหน้าที่เครือข่ายกองทุนหมู่บ้านอำเภอเมืองสุรินทร์ จะบอกว่า ผ่านหรือไม่ผ่าน ก็ไม่รู้ แต่เอามาคืน ประสบปัญหาทุกหมู่บ้าน โดยเฉพาะ ในพื้นที่ ตำบลแกใหญ่ 10 หมู่บ้าน เงินตัวนี้ไม่ออก ปัญหาเกิดมาจากนโยบายของรัฐบาล ที่บีบชาวบ้าน โดยการร่างนโยบาย ให้ชาวบ้านต้องซื้อ อันโน้น อันนี้ มันไม่สมกับความต้องการของชาวบ้านอยากได้ ร่างระเบียบมาเลย 10 ตัว เมื่อนโยบาย 10 ตัว 20 ตัว มันไม่โดนใจของประชาชนที่เขาต้องการ ที่กลับต้องทำตามโครงการที่เขาเขียนมาให้ อย่าง บ้านแกใหญ่หมู่ 12 ต้องการเครื่องคัดเมล็ดพันธุ์ข้าว เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าว ยังไม่กล้าไปเดินดูร้านไหน เงินยังอยู่ในบัญชรธนาคาร ครบจำนวน 200,000 บาท ในเสนอราคาบริษัทไหนก็ไม่สง เพราะผิดมา ตนก็ซวยในฐานะประธานกองทุนหมู่บ้านแกใหญ่ ม.12 ต.แกใหญ่ อยากการซื้อกับ หจก.เงินทาง กทบ.ก็ส่งมาให้แล้ว ตนส่งสัญญาซื้อขาย ให้เครือข่าย กทบ.อำเภอเมืองสุรินทร์ ก็อนุมิติเบิกจ่ายตรงได้เลย แต่กรณี ต้องทำหนังสือไปยืนเพื่อขออนุมัติที่ เครือข่าย กทบ.อำเภอเมืองสุรินทร์ ก่อน ใบปะหน้าแล้วค่อยไปเบิกเงิน เพราะคณะกรรมการ กทบ.หมู่บ้าน จะเบิกเองไม่ได้ ตนอยากฝากถึง รัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อท่านกระจายเม็ดเงินสู่ ชุมชน หมู่บ้าน แล้ว ไม่น่าจะมีการจำกัด ให้ชาวบ้านเขาลงประชามติ ว่าเขาอยากได้ และทำอะไร และเงินที่ให้มาอยากให้ ดูบัญชี 1 บัญชี 2 ว่ามีผลตอบแทนกำไรคืนไม นี่เป็นคำถามง่ายๆของชาวบ้านเลย สมมุติ รัฐบาลให้เงินทุนมา 300,000 บาท จะทำอย่างไรให้มีกำไรกับชาวบ้าน โครงการประชารัฐมีบัญชีอยู่ทุกๆหมู่บ้าน ถ้าหมู่บ้านไหนไม่มีความเจริญ รัฐบาลก็ไม่ต้อง ส่งเงินให้ หากหมู่บ้านไหนทำประสบผลสำเร็จ ควรให้การส่งเสริมต่อไป ชาวบ้านแกใหญ่ต้องการเครื่องคัดเมล็ดพันธุ์ข้าว เครื่องหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าว เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ ทำนา ประชาคมแล้ว แต่ไม่ได้จัดซื้อ เพราะว่า มันมีปัญหากันแบบนี้แหละ ปัญหาคือ เมื่อบริษัทยื่นเสนอราคามา พอยื่นไปที่ เครือข่าย กทบ.อำเภอเมืองสุรินทร์ เจ้าหน้าที่เขาก็ตอบว่า “เดี๋ยวก่อน” ไม่ต้องซื้อ ใจเย็นๆ เป็นประเด็นปัญหา ที่กลืนไม่ได้ คายไม่ออก ทุกๆหมู่บ้านในขณะนี้

 

ด้านชุลิตา เกษรบัว เจ้าหน้าที่เครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน (กทบ.)อำเภอเมืองสุรินทร์ กล่าวว่า โครงการประชารัฐ เอกสารการจัดทำไม่เรียบร้อย ไม่มีความถูกต้องตามระเบียบ และหลักเกณฑ์ ที่ตั้งไว้ว่า จะต้องมีรายได้เงินขึ้น และก่อให้เกิดรายได้ ของ กองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) ส่วนใหญ่ กองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) จะเอาความสะดวก ความง่าย ที่ไปจัดหาร้าน โดยให้ทางร้านจัดเอกสารให้ทุกอย่าง ซึ่งตนได้ตื่น เพื่อความปลอดภัยของคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน(กทบ.)เพื่อสามารถตรวจสอบได้ง่าย นี้คือปัญหาหลักเลย  ปัญหาที่สอง เมื่อได้เงินมาแล้วก็จะไม่ทำตามวัตถุประสงค์ที่เสนอโครงการไป บางที่อาจจะมี ตนไม่ได้โจมตีใคร อาจมี หจก. ที่ขายสินค้าไปแนะนำให้เปลี่ยนโครงการ ที่รู้มา ที่ทราบมา แต่ในส่วนของอำเภอเมืองสุรินทร์ไม่ค่อยมี  มีแต่ไปจัดหาร้านที่ไม่ตรงต่อวัตถุประสงค์  โครงการ ยกตัวอย่างเช่น ซื้อรถ กลับไปหา หจก.ที่ไม่ได้ประกอบธุรกิจ ด้านการขายรถ แต่กลับเอากิจการอื่นเป็นผู้มาเสนอราคาให้ ลักษณะเหมือนการซื้อ-ขาย ผ่าน นายหน้า ตนคดว่าไม่ถูกต้อง จึงแนะนำควรไปหาร้านที่ประกอบกิจการโดยตรง เกี่ยวกับการจำหน่ายรถ ปัญหาหลัก กรณี ที่ชาวบ้านอ้างว่า เจ้าหน้าที่ชี้เป้า ให้ไปซื้อ ร้านนั้น ร้านนี้ ไม่เคยมี มีแต่แนะนำไปว่า ในเมืองสุรินทร์ ให้ไปสืบหาทุกร้าน อันไหนที่ถูก และถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของเรา เอาให้ดีที่สุด ที่มีการดูแลหลังการขาย เน้นจะต้องมีสัญญาซื้อ-ขาย  ตนยืนยันทำงานด้วยความโปร่งใส และไม่เคยชี้เป้าให้ไปซื้อร้านไหน เพราะไม่เคยรู้จักร้านไหนเลย  ตนถูกร้องเรียนมาแล้วหลายๆครั้ง ชาวบ้านชอบอ้างทั้งๆที่ตนไม่รู้เรื่อง

ภาพ/ข่าว ธนินท์ทัศน์ ภูแก้ว ผู้สื่อข่าวภูมิภาคสำนักข่าวทีนิวส์ จ.สุรินทร์