เปิดเบื้องหลัง "จอมทรัพย์" ครูผู้น่าสงสาร หรือ คนหัวหมอ ?

ติดตามรายละเอียด FB : DEEPS NEWS

ถือเป็นอีกคดีที่สำคัญสำหรับ การจับกุม นางจอมทรพย์ แสนเมืองโคตร อายุ 54 ปี อดีตครูใน จ.สกลนคร ตามหมายจับศาลอาญา จังหวัดนครพนม ในข้อหาร่วมกันนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในข้อสำคัญในคดี ในการพิจารณาคดีอาญา และซ่องโจร หลังศาลจังหวัดนครพนมได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาไปแล้ว เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2560 ก่อนที่ จะมีการรื้อขบวนการผู้อยู่เบื้องหลังรับจ้างผิดแทนครูจอมทรัพย์

 

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2560 มีเฟซบุ๊กเพจ ลูกเสือสามัญ ประจำบ้าน ได้โพสต์ระบุว่าเป็นข้อความหลุดที่ระบุไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดว่า ลำดับเหตุการณ์คือครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือครูอ๋อย ซึ่งมีสามีชื่อนายนิรันดร์ แสนเมืองโคตร ซึ่งสามีนั้นเป็นผอ.ที่อนามัย บ้านม่วง ซึ่งมีตัวละครเพิ่มมาอีกนั่นคือนายประพัฒ แสนเมืองโคตรและป้าไสว แสนเมืองโคตร โดยทั้งคู่เป็นแม่ลูกกันได้ซื้อรถกระบะต่อจากครูจอมทรัพย์และสาม

 

ทั้งนี้ก่อนที่ครูจอมทรัพย์จะนำรถไปส่งให้กับเจ้าของใหม่ ครูจอมทรัพย์ได้ยืมรถเขาไปขับในคืนวันที่เกิดเหตุ ซึ่งมีป้าไสวเป็นพยานให้การกับตำรวจว่าครูจอมทรัพย์กับสามีมาเอารถไปขับในวันเกิดเหตุจริงๆ และเมื่อยืมไปขับก็ไม่ได้นำรถไปคืนเจ้าของในวันนนั้นแต่ขับไปคืนอีกวัน ซึ่งป้าไสวให้การกับตำรวจว่าครูจอมทรัพย์และสามีเอารถมาคืนอีกวันซึ่งมีการล้างรถใหม่เอี่ยม จากกรณีดังกล่าวมีชาวบ้านเล่าอีกว่า ครูจอมทรัพย์กล่าวไว้ว่า ใครเป็นพยานให้จะซื้อวัว ซื้อควายให้ ซึ่งจะได้เงินค่าชดเชยจากการติดคุกกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งพยานที่ชี้แจงวันเกิดเหตุบอกว่า ทะเบียนรถสกลนคร ป้ายทะเบียนสีเขียว
 

อย่างไรก็ตามผู้โพสต์กล่าวว่า เนื่องด้วยสามีครูจอมทรัพย์เป็นชายหนุ่มหน้าตาดีทำให้มีผู้หญิงมาติดพันเยอะ ครูจอมทรัพย์จึงรักและหวงสามีมากจนกระทั่งยอมติดคุกแทนสามี ทั้งนี้ตอนขึ้นศาล พยานฝ่ายผู้ตายก็พากันงงว่าทำไมผู้ต้องหากลายเป็นครูจอมทรัพย์ซึ่งเป็นผู้หญิงเพราะพยานในที่เกิดเหตุเล่าว่า ผู้ที่ขับรถเป็นผู้ชายนั่นคือสามีครูจอมทรัพย์ ซึ่งป้าไสวให้การกับตำรวจ
 

ทั้งย้อนกลับไปอีกเมื่อ 16 ม.ค. 2560 ชาวบ้านได้ลือกันว่า ถ้าครูจอมทรัพย์ด้กลับเข้ามาเป็นครูที่บ้านม่วงไข่ ครูที่โรงเรียนจะลาออกกันทั้งหมดเพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรมครูจอมทรัพย์ และลือว่าหลังจากที่ชนคนเสียชีวิตครูจอมทรัพย์และสามีได้นุ่งขาว ห่มขาวเข้าวัดทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเข้าวัดเลย และหลังจากที่ชนคนเสียชีวิตได้ประมาณ 2 ปีกว่า ลูกชายคนโตครูจอมทรัพย์ได้ถูกรถชนเสียชีวิตที่มหาสารคามชาวบ้านก็ได้รุมสาปแช่งว่าเป็นเพราะกรรมตามสนอง
 

พร้อมกันนี้มีการเปิดเผยว่า ในตำบลม่วงไข่นั้น ครูจอมทรัพย์และสามีเป็นผู้ที่ค่อนข้างมีฐานะดี ชอบการเข้าสังคมและตัวครูจอมทรัพย์เป็นผู้ที่มีความทะเยอทะยานชอบการแต่งตัวและชอบเที่ยวคาราโอเกะกลับบ้านดึกดื่น พร้อมกันนี้ครูจอมทรัพย์ได้เคยขู่ป้าไสวว่า ให้แต่งขันธ์ 5 ไปขอขมาที่ป้าไสวให้การกับตำรวจว่าครูจอมทรัพย์เอารถไปกับสามีในคืนวันเกิดเหตุ อย่างไรก็ตามข้อความดังกล่าวนี้ยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดว่าเป็นความจรงหรือไม่ อย่างไรก็ตามควรใช้วิจารณญานในการเชื่อถือ

เปิดเบื้องหลัง "จอมทรัพย์" ครูผู้น่าสงสาร หรือ คนหัวหมอ ?

 

เปิดเบื้องหลัง "จอมทรัพย์" ครูผู้น่าสงสาร หรือ คนหัวหมอ ?

 

เปิดเบื้องหลัง "จอมทรัพย์" ครูผู้น่าสงสาร หรือ คนหัวหมอ ?

 

เปิดเบื้องหลัง "จอมทรัพย์" ครูผู้น่าสงสาร หรือ คนหัวหมอ ?

คดีครูจอมทรัพย์ ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์สำคัญ ซึ่งเป็นคดีแรกในรอบ 34 ปี หลังมีการออก พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 โดยคดีนี้เกิดเหตุเมื่อ 11 มี.ค. 2548 ในพื้นที่ สภ.นาโดน อ.เรณูนคร จ.นครพนม ทำให้นางจอมทรัพย์ตกเป็นจำเลยในคดีขับรถชนคนตาย โดยผู้เสียชีวิตคือนายเหลือ พ่อบำรุง อายุ 75 ปี ชาวบ้านพระซอง ต.พระซอง อ.นาแก จ.นครพนม ขณะปั่นจักรยานบนถนนเส้นทางพระซอง มุ่งหน้าไปยัง อ.เรณูนคร ส่วนรถยนต์คู่กรณีที่ชนได้ขับหลบหนีไปหลังเกิดเหตุ

 

ต่อมาทางตำรวจได้มีการสืบสวนดำเนินคดีจากพยานหลักฐาน นำมาสู่หลักฐานรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน บค 56 สกลนคร เชื่อมโยงไปยังนางจอมทรัพย์ เจ้าของรถ ทำให้ตกเป็นจำเลยในคดี และมีการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมมาตั้งแต่ปี 2548 ในที่สุดศาลชั้นต้น คือศาลจังหวัดนครพนม ได้พิพากษาตัดสิน นางจอมทรัพย์ ให้จำคุก 3 ปี 2 เดือน ส่วนศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง แต่ศาลฎีกาตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น เมื่อปี 2556 ทำให้ครูจอมทรัพย์ต้องถูกจำคุกในความผิดขับรถชนคนตายโดยประมาท และต้นสังกัดให้ออกจากราชการ

 

ภายหลังติดคุก 1 ปี 6 เดือน จากคำพิพากษาตัดสินของศาลฎีกา ต่อมาได้รับการอภัยโทษออกมา เมื่อปี 2558 ครูจอมทรัพย์ จึงได้ไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกระทรวงยุติธรรมว่าตกเป็นแพะ ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนขับรถ แต่เป็นความผิดพลาดในกระบวนการสอบสวนของตำรวจที่รับผิดชอบ จึงร้องทุกข์เพื่อให้ทางศาลมีการรื้อฟื้นคดี ให้ความเป็นธรรม ตาม พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526

 

ส่วนประเด็นสำคัญเกี่ยวกับคดีนี้ ที่น่าสนใจ และเป็นส่วนสาระสำคัญในการพิจารณาของศาล คือในการพิจารณาไต่สวนของศาลหลังขอรื้อคดี ทางด้านครูจอมทรัพย์ยืนยันว่าตนไม่ได้เป็นคนขับรถยนต์ที่ชนในที่เกิดเหตุ หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยืนยันหลักฐานในการดำเนินคดี ว่า รถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน บค 56 สกลนคร ซึ่งเป็นของครูจอมทรัพย์ ได้เกิดอุบัติเหตุชนคนตาย แต่ภายหลังได้มีการรวบรวมหลักฐานร้องทุกข์ มาเบิกความต่อศาลจังหวัดนครพนม ว่า รถยนต์คันที่ชนคือ รถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร พร้อมระบุว่า มีนายเสริฐ รูปสะอาด เคยออกมาสารภาพกับตำรวจหลังครูจอมทรัพย์พ้นโทษ ว่าเป็นคนขับรถชนคนตาย

 

ต่อมามีการนำตัว นายสับ วาปี ออกมายืนยันเป็นคนที่ 2 ว่า เป็นคนขับรถชนคนตาย พร้อมได้มีการเบิกความ นำพยานหลักฐานทั้งหมดมายืนยันในการพิจารณารื้อคดีของศาลจังหวัดนครพนม ทั้งนี้ พยานหลักฐานทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากครูอ๋อง หรือนายสุริยา นวลเจริญ ที่เป็นเพื่อนครูจอมทรัพย์ นำพยานหลักฐานมายืนยันอ้างว่า ครูจอมทรัพย์ตกเป็นแพะ ในช่วงระหว่างครูจอมทรัพย์อยู่ในเรือนจำ

 

นอกจากนี้ ในการเบิกความต่อศาล ทางด้านครูจอมทรัพย์ยังได้มีการนำพยานปากสำคัญมาเบิกความต่อศาล เพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิด คือ นางทัศนีย์ หาญพยัคฆ์ อายุ 61 ปี และนางทองเรศ วงศ์ศรีชา อายุ 51 ปี ที่เป็นพยานสำคัญที่เคยยืนยันว่า เห็นคนขับรถยนต์ก่อเหตุเป็นชายลงมาดูศพผู้ตาย ก่อนขับรถยนต์หนีไป แต่สามารถจำเลขทะเบียนรถได้เพียง 56 ไม่สามารถจำยี่ห้อ รวมถึงหมวดอักษร และจังหวัดของป้ายทะเบียนได้ แต่สุดท้ายทางศาลได้ระบุว่า พยานหลักฐานทั้งหมดไม่สามารถเชื่อได้ว่า ครูจอมทรัพย์เป็นแพะ และไม่สามารถนำพยานหลักฐานทั้งหมดมาหักล้างคำพิพากษาตัดสินเดิมได้