ขอดเกล็ด"อำมาตย์เต้น"? อ้างปรองดองต้องอิสระ-เป็นกลาง ทว่าตอนเป็นใหญ่ทำตรงข้ามทุกอย่าง"เป่าคดีชายชุดดำ" แถมเอาเงินหลวง7.75ล้านจ่ายพวกเดียวกัน

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

หลังนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ หนึ่งในแกนนำตัวเอ้ของชาวเสื้อแดง ได้แสดงความเห็นเรื่องการ ”ปรองดอง" ผ่านเวทีเสวนาหัวข้อ ”ปรองดองแบบ คสช. เมื่อไรจะเจออุโมงค์” ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย วานนี้ และถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่ต้องหยิบยกมาพิจารณาในที่นี้ เนื่องเพราะสิ่งที่เขากล่าววานนี้ ขัดแย้งกับช่วงที่ตน หมายถึงรัฐบาลเพื่อไทยมีอำนาจเกือบจะสิ้นเชิง

 

โดยสิ่งที่เขากล่าววานนี้ ก็เป็นไปในทำนอง กระบวนการสร้างความปรองดองที่ คสช. ทำในวันนี้ ไม่ได้ให้หลักประกันอะไรกับประชาชนเลย อีกทั้งแกนนำแดงยังบอกด้วยว่า คณะทำงานที่จะเข้ามาสร้างความปรองดองนั้น ต้องเป็นกลางและเป็นอิสระอย่างแท้จริง เป็นที่ยอมรับกับคู่ขัดแย้งทั้ง 2 ฝ่าย 

 

"หลายประเทศใช้บุคลากรจากต่างประเทศที่ได้รับการยอมรับด้วยซ้ำไป ซึ่งสวนทางกับคณะทำงานสร้างความปรองดองในประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง" แกนนำแดง กล่าวอ้างผ่านเวที 

 

ขณะประโยคก่อนหน้านั้น เขาระบุด้วยซ้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ไม่มีอะไรที่ชี้ไปในทิศทางประชาธิปไตยเลย ตั้งแต่บทบัญญัติรัฐธรรมนูญ กฎหมายลูก หรือแม้กระทั่งทัศนะต่อการเลือกคนมาทำหน้าที่ในองค์กรที่เกิดขึ้นในกฎหมายลูก ระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา กระบวนการสร้างความปรองดองไม่ได้ให้หลักประกันอะไรเลย ถึงแม้ตั้งใจจริงแล้วจะสำเร็จ 


ทว่า หากจำกันได้ หลังเกิดการเผาบ้านเผาเมืองเมื่อปี 2553 และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ที่บริหารประเทศในขณะนั้น ได้ตั้ง "คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ" หรือ คอป. ขึ้น เพื่อทำการตรวจสอบและค้นหาความจริงของเหตุการณ์ความขัดแย้งที่ผ่านมา และวางแนวทางเพื่อนำเสนอต่อสาธารณะในการเยียวยา ฟื้นฟู ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ และวางมาตรการสร้างความปรองดอง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นอีกในอนาคต โดยมีการกำหนดระยะเวลาการทำงาน 2 ปี คือ ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2553 – กรกฎาคม 2555 โดยมี ศ.ดร.คณิต ณ นคร เป็นประธานกรรมการ ร่วมกับกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 8 คน

...และรายงานฉบับสมบูรณ์ของ คอป. ก็ยืนยันอย่างชัดเจนว่า เหตุการณ์ทมิฬ และก่อให้เกิดการสูญเสียครั้งใหญ่ในการสลายการชุมนุนของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 นั้น เป็นเพราะมี "ชายชุดดำ" แฝงอยู่ในการชุมนุม และใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่จริง ดังที่ อ.คณิต ต้องออกมาพูดถึงรายงานของ คอป. ด้วยตนเองในครั้งนั้นว่า
    

"สำหรับเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี ๒๕๕๓ คอป.เคยเสนอเอาไว้ในรายงานว่า มีชายชุดดำไม่ทราบฝ่ายก่อเหตุ แต่ตอนนั้นพอ คอป.สรุปออกมาแบบนี้ก็ปฏิเสธกันว่า คอป.ทำไม่ถูกต้อง และไม่มีการนำรายงานฉบับดังกล่าวไปใช้เพื่อสอบสวนต่อ แต่ปล่อยเอาไว้เฉยๆ ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ แต่ล่าสุดพอมีการจับกุมชายชุดดำได้จริง  ผมก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร อย่างไรก็ดี ในรายงานของ คอป.เอง ไม่ได้ระบุว่ามีชายชุดดำที่สี่แยกคอกวัวเท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น ผมคิดว่าสื่อมวลชนและฝ่ายต่างๆ ควรจะนำสิ่งที่อยู่ในรายงานไปขยายผลต่อด้วย  และหากเจ้าหน้าที่ตำรวจสนใจข้อมูลที่มีอยู่ในรายงานของ คอป. เรายินดี โดยสามารถหาได้ตามห้องสมุดทั่วราชอาณาจักร  ซึ่ง คอป.ได้ตีพิมพ์เอาไว้จำนวนมาก" ประธาน คอป. ระบุ

 

ขณะที่ นายสมชาย หอมละออ อีกหนึ่งกรรมการ คอป. ได้สำทับในเรื่องเดียวกันนี้ว่า สังคมไทยมีความจริงคนละชุด ส่วนเหตุความรุนแรงมี 10 เหตุการณ์ พบผู้เสียชีวิต 92 คน เป็น ทหาร 8 นายตำรวจ 2 นาย มีผู้บาดเจ็บกว่า 1,500 คน และสูญเสียมากที่สุดคือที่บริเวณสี่แยกคอกวัวและถนนดินสอ โดยพบร่องรอยระเบิด M 67 จำนวน 2 ลูก เป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิต 4 นาย รวม พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ส่วนพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล เชื่อว่าถูกยิงมาจากอาคารสูงทางด้านขวา อาจเป็นรร.ดุสิตธานี อาคารสีลมพลาซ่าหรือบางอาคารในรพ.จุฬาฯ

 
 

นอกจากนี้ คอป.ยังย้ำด้วยว่า มีหลักฐานที่แสดงว่า กลุ่มคนชุดดำได้ใช้อาวุธสงครามโจมตีทหาร ตำรวจ และพลเรือนจนเสียชีวิตจริง และพบหลักฐานความเกี่ยวพันกับ พล.ต.ขัตติยะ รวมถึงได้รับการสนับสนุนจากการ์ดนปช.ในการปฏิบัติงาน แต่ไม่พบหลักฐานโยงไปถึงแกนนำ ส่วนการชุมนุมคนเสื้อแดงเป็นไปด้วยความรุนแรง โดยแกนนำไม่พยายามควบคุมหรือให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และยังพบการยึดอาวุธปืนและเครื่องกระสุนของเจ้าหน้าที่จากการ์ด นปช.ด้วย


แต่อย่างที่กล่าวไว้แต่ต้น สิ่งที่นายณัฐวุฒิพูดวานนี้ ดูขัดแย้งกับช่วงที่ตนมีอำนาจเกือบจะสิ้นเชิง เพราะทันทีที่เพื่อไทยขึ้นมามีอำนาจต่อจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ และหัวโขนนายกรัฐมนตรีเป็นของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งนายณัฐวุฒิ เองเป็น รมช.อยู่ด้วย กลับไม่อาจทำใจยอมรับความจริงที่ คอป. สืบเสาะมานี้ได้ เพราะมัน "เข้าตัว" แบบเต็ม ๆ และกรณี "ชายชุดดำ" ก็ถูกเป่าหายเข้ากลีบเมฆ 


จากนั้นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จึงแก้เกี้ยวเรื่องนี้ด้วยการตั้งคณะกรรมการลักษณะนี้ซ้อนขึ้นมาใหม่ นั่นคือ "คณะกรรมการประสานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ" หรือ "ปคอป."  ที่มี "นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธาน

 

ขณะเดียวกันก็ตั้ง "คณะกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ" หรือ "คอ.นธ." ที่มี "ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน" เป็นประธาน และทำงานในลักษณะคล้าย ๆ กันนี้ขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง ซึ่ง ดร.อุกฤษ นั้นใครก็รู้ว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ "ทักษิณ ชินวัตร" และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อย่างลึกซึ้งแค่ไหน

 

เหนืออื่นใดคือ หลังมี "ปคอป. และ คอ.นธ." แล้ว รายงานของ คอป.ที่กล่าวถึง "ชายชุดดำ" เอาไว้อย่างละเอียดหลายช่วงหลายตอน ก็ถูกนำไปซุกไว้ในลิ้นชัก แล้วหันไปใช้บริการของกรรมการทั้ง 2 คณะที่ตั้งขึ้นมาทีหลังแทน พร้อม ๆ กับการดบ้ยว่า "ชายชุดดำ" เป็นทหาร หรือผู้ไม่หวังดีปลอมตัวมา...เพื่อใส่ร้ายคนเสื้อแดง...ทั้งที่ในรายงานของ คอป. ก็ยืนยันเรื่องนี้เอาไว้หลายต่อหลายย่อหน้า และก็เป็นความจริงเชิงประจักษ์ที่ทุกฝ่ายต่างทราบกันดี...จากภาพข่าวที่สื่อทุกสำนักนำมาเผยแพร่ จนกระทั่งต่อมาภารกิจของ "คอ.นธ." ก็อ้างความปรองดองอีกเช่นกัน ที่กลายเป็นเรื่องลับลวงพรางเข็น "กฎหมายนิรโทษกรรมฉบับลักหลับตอนตี 4" ผ่านสภาฯ ออกมา ก่อนนำมาสู่จุดจบของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในเวลาต่อมา


ทั้งนี้ ยังไม่ต้องเอ่ยถึง มติ ครม.ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เอาเงินหลวงไปจ่ายเงินเยียวยาเสื้อแดงถึงศพละ 7.75 ล้าน โดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากฝ่ายอื่น และเมื่อสืบสาวราวเรื่องก็พบว่า เรื่องนี้ถูกชงมาจาก คณะกรรมการ  ปคอป.ที่มี "นายยงยุทธ" เป็นประธาน และตั้งขึ้นมาเพื่อแก้เกี่ยว คอป. นั่นเอง ...และนี้เรื่องนี้ก็ส่อว่า "รัฐบาลปู 1" รวมทั้งนายณัฐวุฒิ ส่อจะตายหมู่ด้วยซ้ำ เพราะเป็นการเอาเงินหลวงไป จ่ายให้พวกตนเอง...โดยไม่มีกฎหมายรองรับอย่างที่กล่าว...แล้วสำนวนของ ป.ป.ช. นั้นก็ใกล้สรุปเต็มที

 

...เหตุนี้...เมื่อประมวลทุกอย่างเข้าด้วยกัน และย้อนไปพิจารณาคำพูดของนายณัฐวุฒิวานนี้...จะพบว่า...เขาพูดแค่ให้ดูดี...เพราะเอาเข้าจริง....สิ่งที่พวกเขาทำไว้ตอนมีอำนาจ...เป็นยิ่งกว่า...สิ่งที่ตนเองตั้งข้อสังเกตวานนี้มากนัก และไม่ต้องเอ่ยถึงความเป็นกลาง และอิสระที่พยายามเรียกร้อง เพราะแทบหาไม่เจอ...จากการทั้งมาจากน้ำมือของรัฐบาลยิ่งลักษณ์