- 03 ธ.ค. 2560
ติดตามรายละเอียด FB: DEEPS NEWS
ยังคงเป็นกระแสเกิดขึ้นต่อเนื่อง สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์กดดันให้คสช.ปลดล็อคทางการเมือง เพื่อสร้างช่องทางกระบวนการเลือกตั้งตามทิศทางว่าด้วยกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ และโรดแมปที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำหนดไว้ในปี 2561 อย่างกรณีล่าสุด นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ นาย นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาขับเคลื่อนความเห็น ความจำเป็นของการปลดล็อกทางการเมืองอีกครั้ง โดยมุ่งไปที่การเน้นย้ำว่าเป็นหลักที่ต้องนำปฏิบัติตามกรอบรัฐธรรมนูญ ไม่ควรหยิบยกเรื่องสถานการณ์ความสงบประเทศ จาการตรวจพบอาวุธสงครามเป็นจำนวนมากในพื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา มาเป็นข้ออ้างในการพิจารณา
ล่าสุดในเพจเฟซบุ๊ก ของผู้ใช้บัญชีชื่อ “Pat Hemasuk” ในฐานะนักวิชาการอิสระ ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 1 แสนคน ได้โพสต์แสดงความเห็นทางการเมืองไว้อย่างน่าสนใจ สอดคล้องกับสถานการณ์การเมืองที่กำลังดำเนินไปในระยะนี้ และมีการนำแชร์ต่อๆ กันไปกว่า 260 ครั้ง ปรากฏข้อความดังนี้ “มีคนมาคุยกับผมเรื่องเลือกตั้งและอยากฟังความคิดเห็นของผม ผมเลยยึดไมค์แล้วพูดที่เดียวจบว่า ถ้าตัวเลือกในการเลือกตั้งครั้งหน้า ยังไม่เห็นแสงปลายอุโมงค์ แล้วจะให้ประชาชนที่เป็นชนชั้นกลาง และมีแนวทางที่เป็นกลางทางการเมืองจะได้มีโอกาสเลือกพรรคอะไร หรือเลือกใครขึ้นมาเป็นรัฐบาล…”
“ผมเองนั้นพูดตรงๆ เลยว่าไม่ชอบรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เพราะปัญหาหลักคือเรื่องคดีความโกงกินบ้านเมืองที่รุงรังในตอนนี้ และคดีความในอดีตที่ผ่านมาก็ยังไม่จบสิ้น เริ่มจากคดีในความรับผิดชอบของ กกต.ที่ต้องพิจารณาเรื่องเลือกตั้งโกงทุกดอกที่โกงได้ คือเริ่มเลือกตั้งก็มีปัญหาเรื่องซื้อเสียงตามต่างจังหวัดแล้ว พอได้เป็นรัฐบาลก็โกงชาติทั้งโกงเชิงนโยบายและโกงโดยซึ่งหน้า สร้างความฉิบหายกับประเทศจนคดีอยู่ในศาลยาวเป็นหางว่าว จนถึงวันนี้ ปปช.ก็ยังพิจารณาเรื่องฉ้อโกงของนักการเมืองพรรคนี้อย่างไม่จบไม่สิ้น จนมี อดีตสส.และ อดีต รมต. เข้าไปอยู่ในคุกและหนีคุก ตั้งแต่ยุครัฐบาล ทักษิณ-สมัคร-ยิ่งลักษณ์ จำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งของประเทศไทยก็ว่าได้
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้นก็ไร้ศักยภาพในการที่จะรับมือกับพรรคคู่แข่งที่จะเข้ามาทำให้บ้านเมืองฉิบหาย ถ้าเป็นหมาก็เข้าข่ายหมาเลี้ยงไม่ได้ เลี้ยงเสียข้าวสุก เพราะกัดโจรไม่เป็น ถ้าดูผลงานย้อนหลังไปของหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ตั้งแต่ได้เสียงมากพอที่จะเป็นรัฐบาลเอง ก็ไร้เสถียรภาพ ไร้อำนาจในการสั่งการข้าราชการ เพียงแต่มีม็อบเติมเงินสั่วๆ ก็สามารถล้มการประชุมระดับชาติ และลามมาเผาบ้านเผาเมือง จนไปถึงระดับล้มรัฐบาลได้แล้ว
และเมื่อต้องมารับบทเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ก็ทำอะไรกับรัฐบาลเลวๆ ในสภาไม่ได้เลย ยกมือประท้วงครั้งใดก็เหมือนตัวตลก เพราะประธานสภาที่เป็นคนของฝั่งโน้นแกล้งทำเป็นไม่สนใจ คือสรุปว่าเป็นรัฐบาลก็เฮงซวยไร้ศักยภาพใช้อำนาจไม่เป็น เป็นฝ่ายค้านก็เหมือนหมาเลวที่กัดโจรไม่เป็น พึ่งพาอะไรในสภาไม่ได้เลย
(ยกเว้น อดีต สส.ปชป. และ อดีต รมต. บางท่าน และนักการเมืองน้ำดี ปชป.หลายท่าน ที่กัดไม่ปล่อย สู้ยิบตาในสภา สู้นอกสภาจนคดีไปถึงศาล สู้จนอดีต รมต. และ อดีตนายกโดนพิพากษาให้ติดคุก ผมขอคารวะ สส.ปชป. น้ำดีกลุ่มนี้)
ส่วนพรรคอื่นๆ ผมถือว่าเป็นพรรคเห็ดราขึ้นหน้าฝน มีก็เหมือนไม่มี ไม่ต้องเสียเวลาพูดถึงให้เปลืองสมอง
แล้วเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะมาถึงอีกไม่นาน ชนชั้นกลางที่เป็นคนแบกรับภาระส่วนใหญ่ของประเทศในเวลานี้ จะมีหนทางไหนให้พึ่งพาระบบพรรคการเมืองที่มีอยู่ในเวลานี้ได้บ้าง แล้วถ้ามีการเลือกตั้งแล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่กลับเข้าไปแบบเดิมอีกครั้ง เวลานี้ผมก็รู้สึกตัวว่าแก่เกินไปแล้วที่จะออกไปกินนอนบนถนนไล่รัฐบาลเลวๆ ครั้งละกว่าครึ่งปีอีกรอบ
หลังจากผมพูดจบ ทุกคนเงียบ แล้วคิดไปได้ไกลกว่าตอนที่ถามคำถามนี้ให้ผมพูดเสียอีก??
ขอบคุณที่มา : เฟซบุ๊ก Pat Hemasuk