กี่ครั้งแล้วสำหรับ"วางมือทางการเมือง" วาทกรรมชั้นดี แต่หาความจริงใจไม่ได้..จากคน"ตระกูลชินฯ"

กี่ครั้งแล้วสำหรับ"วางมือทางการเมือง" วาทกรรมชั้นดี แต่หาความจริงใจไม่ได้..จากคน"ตระกูลชินฯ"

ยังมีให้เห็นอยู่ตลอดสำหรับการเคลื่อนไหว ตระกูลชินวัตร  ซึ่งในแง่ของการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ หรือแสดงแนวความคิด วิสัยทัศน์ ทางการเมือง คงไม่เพียงพออีกต่อไป  พักหลังสังเกตได้ว่าทางครอบครัวชินวัตร จะเลือกที่จะนำเสนอในมุมเรื่องราว เซนเซอร์ทีฟ เล่นกับความรู้สึก เรื่องคราวความอ่อนไหวเชื่อมโยงไปถึงเรื่องครอบครัวอบอุ่นมากขึ้น   เปลี่ยนอารมณ์จากหนังแอคชั่น มาเป็น ดราม่า

 

ล่าสุดเป็นคิวของนายพานทอง แท้ชินวัตร พี่ชายคนโตจากบ้าน “ชินวัตร” ซึ่งจากการโพจต์ผ่านทาง  เฟซบุ๊ก Oak Panthongtae Shinawatra  เมื่อวันที่2 ธันวาคม  ที่ผ่านมา เนื่องในวันคล้ายวันเกิด ทำนอง ครอบครัวชินวัตร อยากเลิกเล่นการเมือง ขอเพียงครอบครัวอบอุ่น โดยนระบุว่า...

 

  เป็นธรรมเนียมที่ทุกปี ผมจะต้องกราบคุณพ่อคุณแม่ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครับ

 

        10 กว่าปีที่ผ่านมา อาจไม่สามารถกราบคุณพ่อได้ตรงวัน แต่ผมก็จะต้องรีบไปกราบท่านทันที ที่มีโอกาสได้เดินทาง

 

        10 ปีผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ ผมและทุกคนในครอบครัว ยังยืนยันคำเดิมว่า เราเพียงแต่ต้องการชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นกลับคืนมา โดยที่ไม่มีคนหนึ่งคนใดในครอบครัว ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกเลย..แม้แต่นิดเดียว

 

        ถ้าเป็นไปได้จริง จะเป็นของขวัญที่มีคุณค่ามากที่สุด สำหรับผมและครอบครัวครับ

 

กี่ครั้งแล้วสำหรับ"วางมือทางการเมือง" วาทกรรมชั้นดี แต่หาความจริงใจไม่ได้..จากคน"ตระกูลชินฯ"

เมื่อย้อนดูพฤติกรรม ของนายทักษิณเอง ในประเด็นเรื่องวางมือทางการเมือง จะเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ แทบจะไม่มีความเป็นไปได้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นจริง!! เพราะขณะที่ปาก พร่ำพูดว่าจะ ”วางมือ” แต่การกระทำกับตรงกันข้าม!! 

 

 24 พ.ย. 2560 นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย  ได้เดินทางไปพบนายทักษิณที่ประเทศสิงคโปร์ ได้พูดคุยเรื่งเศรษฐกิจและแน่นอนประเด็นที่ใช้ในการสนทนา คงหนีไม่พ้นเรื่องการเมือง  ที่สำคัญคือวิธีต่อสู้กับเผด็จการ ผ่านเฟซบุ๊ก บางช่วงระบุว่า

 

              “เผด็จการไม่เคยให้เกียรติประชาชน พูดจาสามหาวทั้งยังใช้กองทัพเป็นเครื่องมือกดหัวประชาชนที่ยืนข้างประชาธิปไตย ล่าสุด ใช้อำนาจเผด็จการแก้กฎหมายยกระดับและเพิ่มอำนาจ กอ.รมน. จนนักวิชาการบางท่านตั้งข้อสังเกตว่า กอ.รมน. จะถูกใช้เพื่อภารกิจทางการเมือง เป็นเครื่องมือของกองทัพในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น เพื่อควบคุมและต่อต้านพรรคการเมืองที่จะเข้ามามีบทบาทในอนาคต คล้ายกับที่เคยทำได้ในช่วงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ นี่คือความพยายามที่จะควบคุมประชาธิปไตยไม่ให้ได้ผุดได้เกิด”

 

อีกทั้งที่ผ่านมาตั้งแต่นายทักษิณได้หนีออกนอกประเทศ  รวมระยะเวลาหนีคดีจนถึงปัจุบันคือ 9 ปี เนื่องมาจากคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ จำคุก 2 ปี  ในความผิด ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐร่วมกันเป็นคู่สัญญาหรือมีส่วนได้ส่วนเสียในสัญญาที่ทำกับหน่วยงานของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีอำนาจกำกับ ดูแล ควบคุม ตรวจสอบหรือดำเนินคดี และเป็นเจ้าพนักงาน และสนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น

กรณีคุณหญิงพจมาน อดีตภริยา ประมูลจัดซื้อที่ดินริมถนนเทียมร่วมมิตร ย่านถนนรัชดาภิเษก ใกล้กับศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ประมาณ 33 ไร่ ราคา 772 ล้านบาท จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ในกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย

21 ต.ค. 2551 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษา อ่านคำพิพากษาลับหลัง จำคุก นายทักษิณ  2 ปี หลังไม่มาฟังคำพิพากษาตามหมายจับ และหลบหนีออกนอกประเทศ

 

ซึ่งนับตั้งแต่วันนั้น จวบจนทุกวัน นายทักษิณ หรือบุคคลรอบข้าง ก็ได้แต่พร่ำพูด เรื่องจะวางมือการเมือง แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะสามารถทำได้จริง !! ยกตัวอย่าง

 

เมื่อ 22 ตุลาคม 2549 นพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายนายทักษิณ ระบุ 

"ภายหลังลาออกจากหัวหน้าพรรคไทยรักไทยแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ (ยศขณะ) จะยุติบทบาททางการเมือง" 

 

ขณะที่นายทักษิณเอง ก็ได้ลั่นวาจาเอาไว้ หลายครั้งหลายครา ด้วยกัน

       1 มกราคม 2551... “ผมจะวางมือทางการเมือง 100 เปอร์เซ็นต์และจะคอยให้คำปรึกษาในฐานะผู้มีประสบการณ์เท่านั้น

       

       28 กุมภาพันธ์ 2551... “การกลับมาของผมวันนี้ ผมไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการเมือง....ผมขอเป็นประชาชนคนไทย ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย ผมไปมาทั่วโลกไม่มีแผ่นดินไหนอบอุ่นเท่าเมืองไทย”

       

       22 กันยายน 2552... “หากผมไม่ถูกปฏิวัติก็จะอยู่ครบเทอมราวปลายปี 2552 ซึ่งตั้งใจว่าจะวางมือ เลิกเล่นการเมืองในช่วงเวลานั้น”

       

       12 พฤศจิกายน 2552... “ผมต้องการความยุติธรรม ผมไม่สนว่า จะต้องกลับไปสู่การเมืองหรือไม่ แต่หากคนส่วนใหญ่ต้องการให้ผมกลับไป อย่างนั้นผมก็ต้องกลับ”

       

       15 เมษายน 2555... “ไม่คิดเข้าสู่การเมือง น้องผมเป็นนายกฯ แล้ว มันหมดเจนเนอเรชั่นผมแล้ว”

       

 ด้วยเหตุคำพูดและเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมาก็พอจะเห็นสิ่งที่จะปรากฏ คาดการณ์ในอนาคตพอสังเขป นายทักษิณ ไม่เคยยอมรับความจริง และไม่เคยคิดจะวางมือทางการเมืองจากใจจริงเลยสะครั้ง

 

ถ้าถอดรหัสคำพูดล่าสุดของนายพานทองแท้ ที่แฝงด้วยนัยยะสำคัญ คนในตระกูลชินวัตรจะเลิกเล่นการเมือง แต่ก็จะไม่รับผิดกับกระทำที่ก่อไว้ นั่นก็หมายความว่า ตระกลูชินวัตร ทั้งหมด แน่นอนตั้งรวมไปถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร น้องสาว ผู้มีชะตากรรมเหมือนพี่ชาย จะต้องไม่รับโทษจากความผิดที่ตัวเองได้กระทำต่อบ้านนี้เมืองนี้ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และประชาชนยอมรับไม่ได้