ฝรั่งคิดว่าแน่ แต่ยังแพ้หลวงปู่ชา!  "พระพุทธศาสนาสอนอะไร" ฝรั่งอยากลองภูมิหลวงปู่ เลยเจอคำตอบที่เล่นเอาตาสว่าง

รู้จริง... รู้แจ้ง... ทุกเรื่องราวพระอริยสงฆ์   http://www.tnews.co.th

ฝรั่งคิดว่าแน่ แต่ยังแพ้หลวงปู่ชา!  "พระพุทธศาสนาสอนอะไร" ฝรั่งอยากลองภูมิหลวงปู่ เลยเจอคำตอบที่เล่นเอาตาสว่าง

ครั้งหนึ่งได้มีหนุ่มชาวตะวันตก  ได้มีความคิดที่หวังแจ้งเกิดในหลักธรรม ได้ตั้งคำถามขึ้นและยิงคำถามตรงประเด็นแบบไม่ถนอมน้ำใจคนที่ต้องตอบอย่างพระในศาสนาพุทธ เช่น หลวงพ่อชา ว่า “ พระอาจารย์ในศาสนาพุทธ สอนอะไร ? ”
 

ฝรั่งคิดว่าแน่ แต่ยังแพ้หลวงปู่ชา!  "พระพุทธศาสนาสอนอะไร" ฝรั่งอยากลองภูมิหลวงปู่ เลยเจอคำตอบที่เล่นเอาตาสว่าง
แทนการตอบคำถามในครั้งนั้น หลวงพ่อชา สุภัทโท ท่านได้ทำการชี้นิ้วไปที่ก้อนหินเขื่องบนกระดาน และเอ่ยกับหนุ่มชาวตะวันตกท่านนั้นว่า “ ยกก้อนหินนั้น ขึ้นมาสิโยม ”
หนุ่มฝรั่งชาวตะวันตกนายนั้น ก็ลงมือทำตามที่หลวงพ่อบอก
หลวงพ่อชาจำเอ่ยถามหนุ่มชาวตะวนตกท่านนั้นกลับไปว่า “ หนักไหม ” 
“ หนักครับ ” หนุ่มฝรั่งชาวตะวันตก เจ้าของปุจฉา ที่ตนเองคิดว่าลึกล้ำในหลักของศาสนา ร้องตอบ
หลวงพ่อชา จึงไขปริศนาธรรมในการกระทำนั้น ว่า
“ อะไรมันหนัก ก็วางลงเถิด สิ่งที่พระพุทธเจ้าสอน มีเพียงเท่านี้ ”

ฝรั่งคิดว่าแน่ แต่ยังแพ้หลวงปู่ชา!  "พระพุทธศาสนาสอนอะไร" ฝรั่งอยากลองภูมิหลวงปู่ เลยเจอคำตอบที่เล่นเอาตาสว่าง
และอีกครั้งหนึ่งในการถามตอบปัญหาธรรมระหว่างหลวงพ่อชากับชาวต่างชาติ โดยมี "พระอาจารย์ปสันโน" (พระฝรั่งลูกศิษย์ของหลวงพ่อชา) ทำหน้าที่เป็นล่ามแปลให้กับชาวสวีเดนกลุ่มหนึ่งซึ่งมักจะถามปัญหากับครูบาอาจารย์ที่มาสอนการปฏิบัติธรรม (ชาวสวีเดนกลุ่มนี้เคยถามปัญหากับอาจารย์สอนธรรมะมาแล้วหลายคน แล้วก็จะถามคำถามเดียวกันเพื่อให้ได้คำตอบที่หลากหลาย)
ชาวสวีเดนคนหนึ่งถามหลวงพ่อชาว่า "ปฏิบัติทำไม... ปฏิบัติอย่างไร... และปฏิบัติแล้วได้อะไร?"
หลวงพ่อชาจึงถามขึ้นมาว่า "ใครมีดินสอกับกระดาษบ้าง?"
เมื่อหาปากกากับกระดาษมาได้ พระอาจารย์ปสันโนก็แปลคำถามอย่างช้าๆ เพื่อให้หลวงพ่อชาเขียนได้ทัน
"เอานะ... ทีนี้ทำไมเราต้องปฏิบัติ" (หลวงพ่อชาพูดพร้อมกับเขียนลงไป)
"แล้วคำถามที่สองล่ะ...ว่าอีกครั้งซิ?" "เรามีวิธีปฏิบัติกันอย่างไร"
"อืม...ได้แล้ว" (แล้วท่านก็เขียนคำถามที่สองลงไปเหมือนกัน)
"แล้วคำถามที่สามล่ะ...ถามว่ายังไง?" หลวงพ่อชาค่อยๆ จดคำถามลงไป "ปฏิบัติแล้วจะได้อะไร"
จากนั้นท่านก็มองไปที่ชาวสวีเดนคนนั้นแล้วยิงคำถามไปอย่างฉะฉานว่า "ทำไมโยมต้องรับประทาน?"
คำถามของหลวงพ่อชาเล่นเอาชาวสวีเดนคนนั้นถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว ...

แต่เขาก็ยังตอบท่านมาว่า "เอ่อ... ผมตอบไม่ถูกเหมือนกันครับท่าน" 
"ไม่เอา... ทำไมโยมจึงต้องรับประทาน?" 
หลวงพ่อชาถามย้ำอีกครั้งว่า "อาตมาอยากได้คำตอบว่า...ทำไมโยมจึงต้องรับประทาน?"
ชาวสวีเดนคนนั้นตอบท่านว่า "ที่ผมรับประทานก็เพราะว่าผมรู้สึกหิวครับ"
หลวงพ่อชาจึงตอบสวนกลับไปว่า "ถูกต้อง! นั่นแหละเป็นคำตอบว่า...ทำไมพวกเราต้องปฏิบัติธรรม  พวกเราหิวต่อความสงบ หิวต่อความจริง พวกเรารู้สึกเป็นทุกข์ ดังนั้น พวกเราจึงหิวความหลุดพ้นจากความทุกข์"
จากนั้น หลวงพ่อชาก็ได้สนทนาในเรื่องนั้นต่อโดยขยายความต่อไปว่า
"หากใครตระหนักได้อย่างแท้จริงว่าตนกำลังหิว เขาก็จะขวนขวายหาวิธีปฏิบัติที่ถูกจริตกับตัวเอง แล้วผลก็จะเป็นเหมือนอย่างที่ว่ามาก็คือ  เมื่อเราหิวก็หาอะไรที่จะรับประทานได้ และเรียนรู้วิธีปรุงอาหารเพื่อเอามาบำรุงเลี้ยงตัวเอง เราก็จะหายหิว อิ่มหนำสำราญ ... นั่นแหละเป็นจุดมุ่งหมายของการปฏิบัติธรรม"
หลวงพ่อชา สุภัทโท
วัดหนองป่าพง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
ที่มา FB : พระกรรมฐาน สาย หลวงปู่มั่น และ เพจสาขาวัดหนองป่าพง