ไม่มีใครกลัวสหรัฐฯอีกต่อไป!! 128 ประเทศ รวมถึง ไทย มีมติไม่เอาด้วยกับสหรัฐฯ ยกเยรูซาเล็ม ให้ยิว ด้านทูตสหรัฐฯ กร้าวเดินหน้าต่อ

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าว วันที่ 21 ธันวาคม 2560 กรณีการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ เพื่อลงมติเห็นชอบปฏิเสธการลงนามรับรองนครเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ทางด้านนางนิกกี้ เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ออกมาขู่เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ว่าเธอจะดำเนินการส่งรายชื่อประเทศที่สนับสนุนร่างมติคัดค้านการรับรองนครเยรูซาเล็ม ให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ให้กับทางด้านผู้นำสหรัฐฯ พิจารณาบทลงโทษในอนาคต และถูกสำทับด้วยทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ข่มขู่ว่าประเทศใดก็ตามที่โหวตต้านสหรัฐฯ จะต้องถูกตัดเงินช่วยเหลือในภายภาคหน้า

 

ผลปรากฎว่าสมาชิกสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นจีเอ เสียงส่วนใหญ่จาก 193 ประเทศ ลงมติเห็นชอบให้ปฏิเสธการกระทำของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา กรณีรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล โดยให้ถือเป็นโมฆะ โดยฝ่ายที่ไม่เห็นชอบกับสหรัฐฯ มี 128 ประเทศ ฝ่ายเห็นชอบมี 9 ประเทศ และชาติที่งดออกเสียงมี 35 ประเทศ
 

สำหรับประเทศที่เห็นด้วยกับสหรัฐฯ อิสราเอล กัวเตมาลา ฮอนดูรัส โตโก ไมโครเนเชีย นาอูรู พาเลา และ หมู่เกาะมาร์แชล

ส่วนประเทศที่เกรงว่าจะไดรับผลกระทบจากการถูกตัดงบประมาณการช่วยเหลือและ ได้ทำการไม่งดออกเสียง มีทั้งสิ้น 35 ประเทศ ประกอบไปด้วย อาร์เจนตินา ออสเตรเลีย แคนาดา โครเอเชีย สาธารณรัฐเช็ก ฮังการี ลัตเวีย เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ โรมาเนีย รวันดา ขณะที่ 21 ประเทศไม่แสดงตัว ในที่นี้รวมถึงยูเครนที่เดิมสนับสนุนร่างของสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคง 14 ประเทศให้ประกาศว่าการกระทำของสหรัฐฯ เป็นโมฆะ

สำหรับประเทศไทยเอง ที่เป็นหนึ่งในสมาชิกของ สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็นจีเอ ได้โหวต ให้การกระทำของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ เป็นโมฆะ เช่นเดียวกัน คือไม่เห็นชอบกับสหรัฐฯ นั่นเอง

 

ทางด้าน นางนิกกี้ เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ออกมาพูดถึงเรื่องดังกล่าวทันที ว่าการโหวตครั้งนี้ไม่ได้ทำให้สหรัฐฯ เปลี่ยนใจเรื่องการย้ายสถานทูตไปยังนครเยรูซาเล็ม แต่อย่างใด เพียงแต่การโหวตครั้งนี้ ทำให้สหรัฐฯ มองสหประชาชาติแตกต่างไปจากเดิม และเห็นว่ามีประเทศใดบ้างที่ไม่เคารพสหรัฐฯ

 

 

ก่อนหน้านี้ทางด้านนางนิกกี้ เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ออกมาขู่เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ว่าเธอจะดำเนินการส่งรายชื่อประเทศที่สนับสนุนร่างมติคัดค้านการรับรองนครเยรูซาเล็ม ให้เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ให้กับทางด้านผู้นำสหรัฐฯ พิจารณาบทลงโทษในอนาคต

 

ทั้งนี้ทางสมัชชาใหญ่สหประชาชาติได้เตรียมเปิดประชุมฉุกเฉินในวันที่ 21 ธันวาคม 2560 เพื่อโหวตร่างมติคัดค้านการรับรองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอง หลังจากที่ ก่อนหน้านี้ร่างมติ ที่มีลักษณะเดียวกันนี้ได้ถูกสหรัฐฯ ใช้สิทธิ์วีโต คัดค้านในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติมาแล้วเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา

 

นางนิกกี้ เฮลีย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ออกมาขู่ผ่านทางทวิตเตอร์ว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จับตาการลงมติในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด และ เธอจะทำการส่งรายชื่อประเทศที่คัดค้านจุดยืนของสหรัฐฯ ให้กับทางด้านผู้นำสหรัฐฯ

 

การเปิดประชุมฉุกเฉินครั้งนี้ขอทางด้านสหประชาชาตินั้นเกิดจากทางด้านตุรกี และเยเมน ได้เป็นตัวแทนกลุ่มอาหรับและองค์กรความร่วมมืออิสลาม ได้เรียกร้องให้สหประชาชาติเปิดประชุมเร่งด่วน จากกรณีที่สหรัฐฯ ได้ลงนามรับรองให้นครเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล โดยสมาชิกกลุ่มประเทศอาหรับนั้นเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และจะนำมาสู่ความขัดแย้งบานปลายและรุนแรงมากยิ่งขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้อียิปต์ ได้เสนอร่างคล้าย กันนี้เข้าที่ประชุมมาแล้วและมีผู้สนับสนุนอียิปต์ถึง 14 ประเทศ แต่ทว่าถูกสหรัฐฯ วีโต้

ล่าสุด วันที่ 20 ธันวาคม 2560 ทางด้านนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกโรงเองเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว โดย นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ แถลงที่ทำเนียบขาวว่า ทุกประเทศเหล่านี้ล้วนรับเงินของของสหรัฐไป และโหวตต่อต้านสหรัฐฯ ในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และเป็นไปได้ที่พวกเขาจะโหวตต่อต้านสหรัฐฯ อีกครั้งในการ ที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในวันที่ 21 ธันวาคม นี้

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำอีกว่า ประเทศเหล่านั้นรับเงินจากสหรัฐฯปีละหลายร้อยล้านดอลลาร์ หรืออาจจะถึงหลายพันล้านดอลลาร์ แต่ประเทศเหล่านั้นยังกล้าที่จะโหวตต่อต้านสหรัฐฯ ดังนั้นสหรัฐฯจำเป็นที่จะต้องจับตาดูสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิด หากว่าประเทศใดโหวตต่อต้านการรับรองนครเยรูซาเล็ม ให้กับอิสราเอลแล้ว สหรัฐฯ คงจะประหยัดเงินอีกจำนวนมาก และสหรัฐฯไม่สนใจด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต