ความฝันที่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง หมอจิตแพทย์เด็ก เผย เรื่องราวความฝันที่ไม่ซับซ้อนแต่ยิ่งใหญ่ ของพี่ตูน ที่อ่านแล้วอบอุ่นหัวใจ

   วันที่ 25 ธ.ค.60 พญ.เบญจพร ตันตสูติ หรือ หมอมินบานเย็น จิตแพทย์เด็ก เจ้าของเฟซบุ๊ก เข็นเด็กขึ้นภูเขาได้พูดถึงเรื่องราวของความฝันของผู้ชายที่ ชื่อ ตูน ที่ไม่ซับซ้อนแต่ยิ่งใหญ่และที่มากไปกว่านั้นไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนออกมากำลังกายมากขึ้น รักตัวเองมากขึ้นและกลับมาสามัคคีกันมากขึ้นเพื่อส่วนรวม

 

โดยระบุว่า #ความฝันที่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง

เส้นทางไปสู่ความใฝ่ฝันและเป้าหมายของคนเรา บ่อยครั้งต้องพบกับอุปสรรคและปัญหาที่ผ่านเข้ามา เป็นเหมือนบททดสอบจิตใจ นอกจากศักยภาพและความสามารถ คนคนหนึ่งยังต้องการปัจจัยบางอย่างที่ทำให้สามารถก้าวต่อไปบนเส้นทางสู่ความใฝ่ฝันนั้นๆ

.

แฟนเพจคนหนึ่งเคยถามว่า “คุณหมอคะ จะเป็นอะไรไหม ถ้าความใฝ่ฝันของเรามันดูเป็นเรื่องเล็กๆของคนทั่วไป เพื่อนส่วนใหญ่ของหนูมีความฝันคล้ายๆกัน บางคนอยากทำงานดีๆที่ได้เงินเดือนมากๆ บางคนอยากทำอะไรที่สร้างชื่อเสียง แต่เป้าหมายของหนูมันดูเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับเพื่อนๆ”

หมอคิดว่าความใฝ่ฝันของคนคนหนึ่ง แม้อาจไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ความฝันนั้นก็มีคุณค่าและมีความหมาย ถ้าทำให้เรามีความหวังและกำลังใจในการก้าวต่อไป

ไม่แน่หรอก บางทีความฝันเล็กๆนั้น อาจจะกลายเป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนอื่นๆอีกมากมายก็ได้

เหมือนกับ ‘ความฝันที่ไม่ซับซ้อนแต่ยิ่งใหญ่’ ของพี่ตูน

.

ในวันนี้ โครงการก้าวคนละก้าวที่พี่ตูนเป็นผู้ริเริ่ม ก็ดำเนินมาถึงวันสุดท้าย พี่ตูนได้ทำสำเร็จตามเป้าหมายที่ตั้งใจ

ก่อนที่จะทำโครงการนี้ พี่ตูนได้สัมผัสกับปัญหาของระบบสาธารณสุขในประเทศไทย เรื่องการขาดแคลนงบประมาณที่ส่งผลกระทบถึงการรักษาพยาบาล มีความลำบากทั้งต่อคนไข้รวมถึงแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

ความฝันของพี่ตูนในเรื่องนี้ คือการให้คนเห็นถึงความสำคัญของปัญหา ระดมทุนเพื่อช่วยเหลือซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับ 11 โรงพยาบาลในประเทศไทย และการจุดประกายให้คนใส่ใจรักษาสุขภาพมากขึ้น โดยพี่ตูนไม่ได้คิดอะไรที่ซับซ้อนหรือต้องใช้เงินทุนอะไรมากมาย มีเพียง ‘หัวใจที่เข้มแข็ง’ และ‘สองเท้าที่ก้าวไป’

พี่ตูนเลือกที่จะ ‘วิ่ง’ เป็นการสื่อสารกับประชาชนในเรื่องนี้ ถ้าใครเห็นด้วยก็ช่วยกันบริจาคโดยพี่ตูนจะวิ่งไปเรื่อยๆจากจุดใต้สุดไปสู่จุดเหนือสุดของประเทศ

เป็นความฝันที่พบอุปสรรคตั้งแต่เริ่มต้นคิดขึ้นมา มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากบางคน เช่น ทำไปก็ไม่มีประโยชน์ บางคนค่อนขอดว่าเป็นความไร้เดียงสาที่คิดว่าจะทำให้ระบบสาธารณสุขของประเทศดีขึ้นได้ ซึ่งไม่ว่าเจตนาของคนพูดจะเป็นอย่างไร แต่มันเป็นคำพูดที่บั่นทอนกำลังใจ

จริงๆแล้ว ความฝันของพี่ตูนก็เพียงอยากจะช่วยและต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการบรรเทาความเดือดร้อนที่เป็นอยู่ โดยไม่ได้คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงระบบอะไรถึงขนาดนั้นหรอก

อย่างไรก็ดี ทุกคนก็คงคิดเหมือนกันว่า ในวันนี้ความฝันที่ไม่ได้ซับซ้อนของพี่ตูน ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับสังคม

หมอเชื่อว่าสิ่งนี้จะเป็นเหมือนเปลวไฟจากเทียนเล่มแรกที่ถูกจุดต่อกันไปเรื่อยๆ จนรวมกันเป็นดวงไฟที่ส่องสว่าง เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลายๆสิ่งพัฒนาขึ้น

หมอเองก็ได้เรียนรู้บางอย่างจากเรื่องการวิ่งครั้งนี้ จึงอยากแบ่งปันถึงคนอ่านเพจของหมอด้วย

อย่างแรกคือ พี่ตูนมีความเชื่อมั่นและจริงใจกับความฝันและเป้าหมาย แม้ว่าจะมีคำวิจารณ์จากบางคน ก็ไม่ถูกชี้นำหรือทำให้ท้อแท้ง่ายๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีใจกว้าง เปิดรับความคิดเห็นคนอื่นๆ และใช้เหตุผลในการไตร่ตรอง โดยไม่ใช้อารมณ์ จะเห็นว่าพี่ตูนไม่เคยจะแสดงความโกรธต่อคำวิจารณ์ และทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป

พี่ตูนมีความกล้าหาญที่จะทำในเรื่องที่คนทั่วไปเห็นว่ายากลำบาก การวิ่งระยะทางกว่า 2,000 กิโลเมตร ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เขาเองไม่กลัวว่าจะผิดพลาดหรือทำไม่สำเร็จ ถ้าจะวิ่งไปไม่ถึง พี่ตูนก็บอกว่า ก็ไม่เป็นไร ทำให้ดีที่สุด เขาไม่ยอมให้ข้อจำกัดต่างๆ เป็นอุปสรรคในการทำตามฝัน พี่ตูนทำให้เห็นว่า ถ้ามีความตั้งใจ คนคนหนึ่งก็สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดไปได้

พี่ตูนมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ ความเพียรไม่ย่อท้อเมื่อพบกับอุปสรรค วันที่อะไรๆไม่เป็นไปตามที่คิดวางแผน บางเรื่องที่เกิดอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่ตูนเสียกำลังใจ เช่น อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในขณะที่วิ่ง แม้จะทำระยะทางได้ไม่ตรงตามเป้าที่วางในบางวัน แต่เราก็เห็นว่าพี่ตูนยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ พี่ตูนก็แสดงออกว่ายอมรับและเข้าใจในความเป็นไป และค่อยๆจัดการกับปัญหาที่เกิด

พี่ตูนทำให้เห็นว่า ความฝันและเป้าหมายที่คนคนหนึ่งตั้งใจทำ บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องทำเพื่อตัวเองเสมอไป สิ่งที่พี่ตูนทำ เขาตั้งใจในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ตรงนี้แหละที่สร้างแรงบันดาลใจ ความศรัทธาขึ้นในใจของคนที่รับรู้จนกลายเป็นการ 'ร่วมด้วยช่วยกัน' ทั้งช่วยกันบริจาคและช่วยดูแลให้พี่ตูนไปถึงเส้นชัยที่ตั้งใจ คือ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

นอกจากตัวพี่ตูนเอง คนรอบข้างที่เปรียบเสมือน ‘ลมใต้ปีก’ ของพี่ตูนก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่คอยให้กำลังใจ กัลยาณมิตร ทีมงานทุกคนในทีมก้าว คนใกล้ชิดที่อยู่เคียงข้างอย่างคุณก้อยรัชวิน ได้เห็นภาพที่คุณก้อยที่ช่วยดูแลพี่ตูน ทั้งการรับบริจาคเงิน เอาตัวเข้ากันเวลาที่ประชาชนโถมเข้ามาหาพี่ตูน ภาพทีมงานที่คอยจัดการให้การวิ่งเป็นไปอย่างราบรื่น คนรอบข้างที่เห็นก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่น ตรงนั้นก็เป็นการสนับสนุนให้พี่ตูนผ่านทางอันยาวไกลมาได้

สุดท้ายประเด็นที่น่าชื่นใจมากๆ พี่ตูนเป็นตัวอย่างที่มีอยู่จริงของ 'คนที่ทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน' มีเด็กและเยาวชนมากมายที่บอกว่า เขาจะเป็นคนดีแบบพี่ตูน

หมอเองก็ได้เรียนรู้บางอย่างจากเรื่องการวิ่งครั้งนี้ จึงอยากแบ่งปันถึงคนอ่านเพจของหมอด้วย

อย่างแรกคือ พี่ตูนมีความเชื่อมั่นและจริงใจกับความฝันและเป้าหมาย แม้ว่าจะมีคำวิจารณ์จากบางคน ก็ไม่ถูกชี้นำหรือทำให้ท้อแท้ง่ายๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีใจกว้าง เปิดรับความคิดเห็นคนอื่นๆ และใช้เหตุผลในการไตร่ตรอง โดยไม่ใช้อารมณ์ จะเห็นว่าพี่ตูนไม่เคยจะแสดงความโกรธต่อคำวิจารณ์ และทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป

พี่ตูนมีความกล้าหาญที่จะทำในเรื่องที่คนทั่วไปเห็นว่ายากลำบาก การวิ่งระยะทางกว่า 2,000 กิโลเมตร ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่เขาเองไม่กลัวว่าจะผิดพลาดหรือทำไม่สำเร็จ ถ้าจะวิ่งไปไม่ถึง พี่ตูนก็บอกว่า ก็ไม่เป็นไร ทำให้ดีที่สุด เขาไม่ยอมให้ข้อจำกัดต่างๆ เป็นอุปสรรคในการทำตามฝัน พี่ตูนทำให้เห็นว่า ถ้ามีความตั้งใจ คนคนหนึ่งก็สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดไปได้

พี่ตูนมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ ความเพียรไม่ย่อท้อเมื่อพบกับอุปสรรค วันที่อะไรๆไม่เป็นไปตามที่คิดวางแผน บางเรื่องที่เกิดอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ไม่ได้ทำให้พี่ตูนเสียกำลังใจ เช่น อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในขณะที่วิ่ง แม้จะทำระยะทางได้ไม่ตรงตามเป้าที่วางในบางวัน แต่เราก็เห็นว่าพี่ตูนยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ พี่ตูนก็แสดงออกว่ายอมรับและเข้าใจในความเป็นไป และค่อยๆจัดการกับปัญหาที่เกิด

พี่ตูนทำให้เห็นว่า ความฝันและเป้าหมายที่คนคนหนึ่งตั้งใจทำ บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องทำเพื่อตัวเองเสมอไป สิ่งที่พี่ตูนทำ เขาตั้งใจในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ตรงนี้แหละที่สร้างแรงบันดาลใจ ความศรัทธาขึ้นในใจของคนที่รับรู้จนกลายเป็นการ 'ร่วมด้วยช่วยกัน' ทั้งช่วยกันบริจาคและช่วยดูแลให้พี่ตูนไปถึงเส้นชัยที่ตั้งใจ คือ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย

นอกจากตัวพี่ตูนเอง คนรอบข้างที่เปรียบเสมือน ‘ลมใต้ปีก’ ของพี่ตูนก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่คอยให้กำลังใจ กัลยาณมิตร ทีมงานทุกคนในทีมก้าว คนใกล้ชิดที่อยู่เคียงข้างอย่างคุณก้อยรัชวิน ได้เห็นภาพที่คุณก้อยที่ช่วยดูแลพี่ตูน ทั้งการรับบริจาคเงิน เอาตัวเข้ากันเวลาที่ประชาชนโถมเข้ามาหาพี่ตูน ภาพทีมงานที่คอยจัดการให้การวิ่งเป็นไปอย่างราบรื่น คนรอบข้างที่เห็นก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่น ตรงนั้นก็เป็นการสนับสนุนให้พี่ตูนผ่านทางอันยาวไกลมาได้

สุดท้ายประเด็นที่น่าชื่นใจมากๆ พี่ตูนเป็นตัวอย่างที่มีอยู่จริงของ 'คนที่ทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน' มีเด็กและเยาวชนมากมายที่บอกว่า เขาจะเป็นคนดีแบบพี่ตูน

.

ความฝันของพี่ตูนยิ่งใหญ่ เพราะมันเป็นความฝันที่ไม่ได้มีไว้เพื่อตัวเอง แต่ทำเพื่อประโยชน์สุขของผู้อื่น

ขอบคุณพี่ตูนและทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวดีๆในชีวิตจริงครั้งนี้ ที่จุดประกายความศรัทธาและความหวังในใจของพวกเรา

#หมอมินบานเย็น

 

 

 

ขอบคุณภาพและข้อมูล  เข็นเด็กขึ้นภูเขา ก้าว artiwara