ฉะหนักอีกรอบ?! "มาร์ค" สั่งฝ่าย กม.ดูคำสั่งคสช.53/2560 ลั่นผิดยื่นศาล รธน.แน่ เตือนอย่าเดินซ้ำรอยระบอบทักษิณ - ทำลายบรรทัดฐาน 

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

ฉะหนักอีกรอบ?! "อภิสิทธิ์" สั่งฝ่ายกฎหมายดูคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ลั่นหากขัดยื่นศาล รธน.แน่ เพราะเท่าที่เห็นคำสั่งเนื้อหาก็ขัดกันในตัว ยันไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว ยื่นไปก็ต้องมีน้ำหนักพอ เตือนใช้อำนาจรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ในทางการเมือง ก็เดินกลับสู่ยุคระบอบทักษิณ แล้วจะหวังอะไรกับการปฏิรูปและธรรมาภิบาล


วันนี้ (27 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 53/2560 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองอีกครั้ง หลังเคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ก่อนหน้านี้แล้วว่า   ตนให้ฝ่ายกฎหมายของพรรคพิจารณาข้อกฎหมายว่า คำสั่งดังมีเนื้อหาใดที่เข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งจะทราบผลหลังปีใหม่ แล้วจะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ ทั้งนี้การจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญต้องมีเหตุผลข้อเท็จจริงที่เข้าข่ายยื่นได้ ซึ่งเท่าที่เห็นคำสั่ง คสช. แล้วเป็นคำสั่งที่ยาวเป็นพิเศษและเนื้อหาก็ขัดกันในตัว มีความไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง ฝ่ายกฎหมายกำลังดูในรายละเอียดถึงผลที่เกิดขึ้น 

 

"ถ้าเข้าเงื่อนไขที่ขัดรัฐธรรมนูญก็มีความเป็นไปได้ที่จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ โดยต้องดูว่า กระทบสิทธิของบุคคลหรือไม่ อย่างไร  ซึ่งเจ้าตัวคนที่ได้รับผลกระทบต้องเป็นผู้ยื่น การจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว ยื่นไปก็ต้องมีน้ำหนักพอที่จะยื่นได้ ไม่ยื่นพร่ำเพรื่อหรือยื่นไป อย่างนั้นเพื่อให้มีคดีแน่นอน และเมื่อมีเหตุยื่นได้ก็อยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร โดยจะดูข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา ถ้าไม่มีเหตุยื่นก็ไม่ยื่นแน่นอน แต่ถ้ายื่นต้องมีน้ำหนักให้ศาลพิจารณาได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าส

 

นายอภิสิทธิ์ ยังระบุด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีปัญหาที่จะดำเนินการตามกฎหมาย กติกาเขียนอย่างไรก็พยายามปฏิบัติ และยังไม่เห็นอุปสรรค มีแต่พรรคตั้งใหม่บ่น เพราะกระทบจากการที่คสช. ไม่ปลดล็อก อย่างไรก็ตาม การออกคำสั่ง คสช. ครั้งนี้ไม่ใช่ปลดล็อกแต่เป็นการเพิ่มล็อก ทำให้ช้าไปอีกสามเดือนจนเป็นปัญหากับพรรคใหม่ ขอยืนยันว่า พวกตนไม่ติดใจที่จะมีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น เพราะเป็นประชาธิปไตยยอมรับการแข่งขันตลอดเวลา แต่ขอให้แข่งขันด้วยการสร้างศรัทธาไม่ใช่เอาเครื่องมือต่าง ๆ มาทำลายคนอื่น 


"คำสั่ง คสช. ที่ออกมาเหมือนไม่เข้าใจโรดแมปของตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ประธาน กรธ. ซึ่งเป็นหนึ่งในแม่น้ำห้าสายรู้ว่า ต้องออกกฎหมายสี่ฉบับจากนั้นเหลือเวลา 150 วัน ต้องจัดการเลือกตั้งจึงรีบผลักดันให้กฎหมาย กกต. และพรรคการเมืองบังคับใช้ก่อน เพื่อให้มีเวลาปรับตัวให้ทุกคนเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งได้ เป็นสิ่งที่คิดอย่างดีและรอบคอบแล้ว แต่คำสั่งนี้เหมือนไม่เข้าใจตัวเอง เท่ากับต้องทำหลายอย่างซ้อนกัน จึงเป็นการแก้ปัญหาให้กับบางคนถูกจุดมากกว่ามากกว่า การแก้ปัญหาอย่างถูกจุด" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้ความเห็น พร้อมระบุด้วยว่า

 

"ถ้าคิดใช้อำนาจรัฐเพื่อเอื้อประโยชน์ในทางการเมือง ก็เดินกลับสู่ยุคระบอบทักษิณ จะหวังอะไรกับการปฏิรูปและธรรมาภิบาล ถ้ามีปัญหาพรรคใหม่ก็หาทางแก้ไป แต่ถ้าเมื่อไหร่ใช้อำนาจรัฐที่เบ็ดเสร็จพิเศษไม่สามารถตรวจสอบถ่วงดุลได้ บ้านเมืองเสียหาย ส่วนรวมเสียหาย บรรทัดฐานสำหรับอนาคตก็เสียหาย คนทำต้องรับผิดชอบ หากยึดหลักธรรมาภิบาลต้องโปร่งใสตรงไปตรงมา รับผิดชอบ มีประสิทธิภาพ" 


ทั้งนี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังทิ้งท้ายว่า ลองไปดูว่า สิ่งที่รัฐบาลทำเข้าเกณฑ์เหล่านี้หรือไม่ การใช้อำนาจเบ็ดเสร็จไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ ควรทำในเรื่องใหญ่ ๆ ทำแล้วไม่ต้องเปลี่ยนซ้ำแล้วซ้ำอีก และไม่เอื้อประโยชน์ใคร เรื่องได้เปรียบเสียเปรียบพรรคประชาธิปัตย์ไม่กังวล เพราะสู้ในสถานการณ์เสียเปรียบมาหลายรูปแบบ จึงไม่โวยวายหรือร้องขอ แต่ที่พูดต้องการรักษาหลักการบ้านเมือง ถ้าเสียเปรียบจากหลักการที่ถูกต้องพรรคยินดี แต่ถ้าไม่ถูกต้องไม่เป็นธรรมาภิบาลก็ต้องคัดค้านไม่ว่าจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ