สี จิ้นผิง อวยพรปีใหม่ ให้สัญญาเดินหน้าปฏิรูปประเทศอย่างเฉียบขาด ฉลองครบ 40 ปี เปิดประเทศ ชี้ จีน – รัสเซีย ร่วมมือเข้มข้นยิ่งขึ้น

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าว ในกรณีวันขึ้นปีใหม่ 2018 โดยทางด้านประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้อวยพรปีใหม่ พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่า จะดำเนินการปฏิรูปประเทศในปี 2018 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงให้คำมั่นว่าจีนจะเดินหน้าปฏิรูปประเทศอย่างเฉียบขาดในปี 2018 ในระหว่างการกล่าวคำอวยพรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่

 

 

"เราจะใช้โอกาสการเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีแห่งการปฏิรูปและการเปิดประเทศในปี 2018 นี้เพื่อดำเนินการปฏิรูปประเทศต่อไป เพราะการปฏิรูปและการเปิดกว้างเป็นเส้นทางที่เราต้องผ่าน เพื่อสร้างความคืบหน้าให้กับจีนยุคปัจจุบัน รวมถึงตระหนักถึงความฝันของจีนด้วย"

 

 

พร้อมกันนั้น ผู้นำจีนได้อวยพรปีใหม่ให้ชาวจีนทุกคน และส่งความปรารถนาดีไปยังมิตรสหายทั่วโลก อีกด้วย

 

นอกจากนั้น ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กล่าวว่าเขาพร้อมร่วมมือกับประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเมือง ความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์ซึ่งกันและกัน และการขยับขยายความร่วมมือเชิงปฏิบัติระดับทวิภาคีอย่างรอบด้าน

 

ผู้นำจีนกล่าวว่าจีนแสวงหาความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างประเทศกับรัสเซีย และทำงานเพื่อผลประโยชน์ใหม่ในการพัฒนาความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี โดยปี 2018 และ 2019 จะถือเป็นปีแห่งความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนในระดับท้องถิ่นระหว่างสองประเทศ
 

“จะมีการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อกระตุ้นการแลกเปลี่ยนระหว่างจีนกับรัสเซียในระดับท้องถิ่น และช่วยบ่มเพาะค่านิยมของแนวคิด ที่ว่าทั้งสองฝ่ายได้เป็นมิตรที่ดีกันมาอย่างยาวนาน และแสวงหาการพัฒนาและความมั่งคั่งร่วมกัน”
 

การพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อันรอบด้านของจีน-รัสเซียได้มีความก้าวหน้าตลอดปีที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายได้แสดงการสนับสนุนซึ่งกันและกันในเรื่องผลประโยชน์หลัก และเก็บเกี่ยวผลสำเร็จจากการประสานแผนริเริ่มหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง เข้ากับสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (EAEU) ของรัสเซีย

 

ประธานาธิบดีจีนยังชี้ว่าโครงการเชิงยุทธศาสตร์และขนาดใหญ่ของสองประเทศได้เดินหน้าอย่างมั่นคง และความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเกษตรกรรม ตลอดจนการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนกับประชาชนและสื่อมวลชนได้ผลิดอกออกผลอย่างสมบูรณ์

“จีนและรัสเซียยังคงรักษาความร่วมมืออันใกล้ชิดและทรงประสิทธิภาพในกิจการระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ และได้มีส่วนสำคัญยิ่งยวดในการรักษาไว้ซึ่งความสงบสันติและความมั่นคงของโลกใบนี้”