- 01 ม.ค. 2561
ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมาย ได้ที่ http://www.tnews.co.th
ในตอนแรกหลวงปู่ศุขตั้งใจว่าจะเดินทางตามคณะธุดงค์ เข้าไปไหว้พระเจดีย์ชเวดากองที่พม่า แต่พระที่ร่วมเดินทางมาด้วยเกิดป่วยกระทันหัน หลวงปู่ศุขจึงอาสาดูแล และนำส่งข้ามมายังฝั่งไทย
...ในขณะที่เดินทางกลับมานั้น หลวงปู่ได้พบกับช้างโขลงหนึ่ง ไม่รู้พวกมันมาจากทิศใด และส่งเสียงร้องลั่นป่าไปหมด คะเนว่ามีไม่ต่ำกว่า ๒๐ เชือก และมีลูกช้างติดโขลงมาด้วย ๒ ตัว
กำลังตรงเข้ามาทางหลวงปู่ศุขเเละพระอีกรูปท่าทางเหมือนรีบเร่งเพราะหนีอะไรมา หลวงปู่ศุขจึงชวนพระอีกรูปที่มาด้วยหลบเข้าข้างทางก่อน เพื่อรอดูจนจ่าโขลงซึ่งเป็นพลายตัวใหญ่ ไล่ต้อนบริวารผ่านไปสักพัก จึงค่อยพากันเดินออกมา
แต่พลันหลวงปู่ศุขท่าน เดินออกมาจากข้างทางก็ต้องตกตะลึงกับผู้มาเยือน ที่ยืนจังก้าท่าทางเอาเรื่องอยู่เบื้องหน้า มันคือช้างพลายตัวใหญ่มหึมาที่มีงาสีดำเมี่ยม ท่าทางดุดัน มันกำลังออกอาการฟัดเหวี่ยงกิ่งไม้อยู่ไปมา ท่าทางเหมือนไม่พอใจที่ช้างโขลงใหญ่ที่หนีมันไป หรืออะไรสักอย่างนี้แหละ แต่ที่แน่ๆ มันกำลังเดินตรงเข้ามาหาหลวงปู่ศุขและพระอีกรูป
หลวงปู่ศุขจึงได้วางบริขารลง แล้วหลับตาบริกรรมคาถาเสกหญ้า ที่ควานได้ในบริเวณนั้นพร้อมทั้งแผ่เมตตาให้กับพญาช้างงาดำตัวนั้นด้วยอยู่สักหนึ่ง ก็ลืมตาขึ้นมา
เจ้างาดำก็มายืนประชิดติดตัวหลวงปู่ศุขแล้วแต่มันมีอาการลังเลอยู่ และไม่กล้าทำร้ายหลวงปู่ศุขแต่อย่างใด แววตายังคงฉายแสงแห่งความเป็นนักเลงโตอยู่
หลวงปู่ศุขท่านจึงยื่นหญ้าเสกที่อยู่ในมือให้กับมัน ในขณะเดียวกันก็บริกรรมคาถาไปด้วย ผลปรากฏว่า เจ้างาดำใช้งวงของมันรับหญ้าในมือหลวงปู่ศุข แล้วยื่นเข้าปาก แล้วเคี้ยว..
จากนั้นก็ยืนนิ่ง ปล่อยให้หลวงปู่ศุขเอามือลูบหน้า ลูบงวงมันเล่นได้ หลวงปู่ศุขท่านจึงได้เทศนาสั่งสอนมัน ให้รู้จักบาปบุญคุณโทษอย่าทำตัวเกเร รังแกใคร เพราะเวรกรรมนั้นมีอยู่จริง
ซึ่งมันก็ยืนสงบนิ่งฟังโอวาท โดยไม่มีอาการดื้อรั้นแต่อย่างใด
จากนั้นหลวงปู่ศุขก็ได้ร่ำลามัน เเละบอกให้มันไปอยู่ในป่าที่ลึกกว่านี้ มันจะได้ไม่ถูกรบกวนเพราะงาดำของมันแปลกตา และมีขนาดมหึมาอย่างมาก เกรงว่าจะถูกพรานล่า จากนั้นหลวงปู่ศุขก็ชวนพระที่มาด้วยกันเดินทางต่อไป
ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้
นักเลงโบราณ ตำนานหนังเหนียว
Saran WiKi
เพื่อเผยแผ่กิตติคุณเป็นสังฆบูชา