- 04 ม.ค. 2561
เดือดระอุไปทั้งโซเชียล!! ทรัมป์จวกยับ อดีตผู้ช่วยคนสนิท! ให้ข่าวสื่อ ลูกชายทรัมป์ประชุม “ขายชาติ” กับรัสเซีย
สำนักข่าว ซินหัว รายงาน จากกรณี เรื่องที่ร้อนระอุไปทั่วโลกโซเชียล เมื่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาตำหนินายสตีฟ แบนนอน อดีตหัวหน้านักยุทธศาสตร์ประจำทำเนียบขาว เกี่ยวกับเรื่องราวระหว่างการประชุม หลังถูกชี้ว่าประชุม “ขายชาติ” กับรัสเซีย
อ่านข่าวอื่นเพิ่มเติม..
ประกาศเตือน จาก กรมอุตุฯ “ฉบับที่ 5” !! พายุบอละเวน ส่งผลให้หลายพื้นที่เตรียมรับมือ.. ฝนตกหนัก คลื่นลมแรง และระวังความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย!!
โดยมีการระบุรายละเอียดข้อความไว้ดังนี้..
ทรัมป์จวกยับอดีตผู้ช่วยคนสนิท หลังถูกชี้ว่าประชุม “ขายชาติ” กับรัสเซีย วานนี้ (3 ม.ค.) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ออกมาตำหนินายสตีฟ แบนนอน อดีตหัวหน้านักยุทธศาสตร์ประจำทำเนียบขาว หลังสื่ออังกฤษทำข่าวเกี่ยวกับหนังสือเล่มใหม่ที่มีข้อความของแบนนอนว่าการประชุมระหว่างลูกชายของทรัมป์ ผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง และนักกฎหมายรัสเซีย ณ อาคารทรัมป์ ทาวเวอร์ ในปี 2016 นั้นเป็นการ “ขายชาติ”
“สตีฟ แบนนอน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผมหรือการเป็นประธานาธิบดีของผม” ทรัมป์กล่าวผ่านแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยทำเนียบขาว “ตอนที่เขาถูกไล่ออก เขาไม่เพียงสูญสิ้นหน้าที่การงาน แต่ยังสูญเสียสติไปแล้วด้วย”
“สตีฟแทบไม่เคยประชุมแบบหนึ่งต่อหนึ่งกับผม เขาทำได้เพียงแกล้งมีอิทธิพลเพื่อหลอกคนไม่กี่คน ที่ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงและไม่รู้เรื่องอะไรเลย เฉกเช่นคนที่เขาช่วยเขียนหนังสือจอมปลอมนั้น”
“สตีฟเสแสร้งทำสงครามกับสื่อมวลชนที่เขาบอกว่าเป็นพวกฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล และยังใช้เวลาในทำเนียบขาวไปกับการปล่อยข้อมูลอันเป็นเท็จแก่สื่อ เพื่อทำให้ตัวเองดูมีความสำคัญกว่าความเป็นจริง”
นอกเหนือจากทรัมป์แล้ว นางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกหญิงประจำทำเนียบขาว ยังออกแถลงการณ์ประณามหนังสือเล่มใหม่ของไมเคิล วอลฟฟ์ (Michael Wolff) ว่าเต็มไปด้วยข้อมูลอันโป้ปดมดเท็จและชี้นำให้เกิดความเข้าใจผิด รวมถึงการมีส่วนร่วมในหนังสือที่เป็นเพียงนิยายขยะไร้ค่าก็เพื่อแสดงความพยายามเกี่ยวข้องอย่างสิ้นหวังเท่านั้น
ทั้งนี้ สตีฟ แบนนอน เคยเป็นประธานบริหารการหาเสียงเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ปี 2016 ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของทรัมป์ และเป็นหัวหน้านักยุทธศาสตร์ฯ หลังทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในเดือนม.ค. 2017 โดยแบนนอนลาออกจากทำเนียบขาวในเดือนส.ค. ก่อนกลับไปนั่งเก้าอี้ประธานสำนักข่าวเบรต บาร์ต นิวส์ (Breitbart News) ของพวกฝ่ายขวา