- 10 ม.ค. 2561
หลังเลือกตั้ง “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯคนนอก ผิดจากนี้ไปไม่ได้ ฟันธง!!
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะไม่ปฏิเสธว่าจะไม่รับตำแหน่งนายกฯคนนอกภายหลังการเลือกตั้ง แม้ที่ผ่านมาจะถูกย้ำถามหลายครั้งโดยสื่อมวลชน แต่ “บิ๊กตู่” ก็ไม่อาจปฏิเสธสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จนดูเหมือนว่า มีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าตัวเอง จะต้องครองอำนาจอีกครั้งเมื่อมีการเลือกตั้ง แม้ไม่ได้ลงเลือกตั้งก็ตาม
ความจริงใจของรัฐบาลและ คสช. เกี่ยวกับการเลือกตั้งนั้น สะท้อนออกมาอย่างชัดเจน เมื่อมองไปถึงกรณีที่ไม่ยอมปลดล็อคให้พรรคการเมืองได้ทำกิจกรรมต่างๆ ทำให้ขณะนี้ทุกพรรคการเมืองยังเป็นง่อย ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากความเคลื่อนไหวส่วนตัวบุคคล เช่น การวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นทางการเมืองรายวัน แต่พรรคการเมืองไม่สามารถรวมพลังเป็นกลุ่มก้อน และเดินหน้าเรื่องต่างๆ ตามมติของพรรคได้ เนื่องจาก คสช. ยังไม่อนุญาต หนำซ้ำยังใช้อำนาจมาตรา 44 ยืดเวลาในการดำเนินการเรื่องต่างๆออกไปเป็นเดือนมีนาคมถึงเมษายน จากเดิมที่สามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา
คำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 53 / 2560 เรื่องการขยายกรอบเวลาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เป็นเสมือนคำสั่งให้มีการรีเซ็ตสมาชิกพรรค ซึ่งเอาเข้าจริงๆ มันคือเครื่องมือการทำลายพรรคการเมืองใหญ่ เพราะในคำสั่ง กำหนดให้สมาชิกพรรคเดิม หรือพรรคเก่า ต้องมายืนยันความเป็นสมาชิกพรรค แต่ถ้าไม่ สมาชิกพรรคคนนั้นก็จะพ้นจากความเป็นสมาชิกพรรคไป คำสั่งนี้ มองได้ว่า เป็นการพุ่งเป้าไปที่พรรคการเมืองใหญ่ อย่างพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)และพรรคเพื่อไทย(พท.) ที่มีสมาชิกพรรคหลายล้านคน ซึ่งการจะให้คนหลายล้านคนมายืนยันการเป็นสมาชิกพรรคได้ทั้งหมดนั้น เป็นไปไม่ได้เลย
ขณะนี้ดูเสมือน นอกจากจะรีเซ็ตสมาชิกพรรคแล้ว คสช. ยังให้การสนับสนุนพรรคการเมืองหน้าใหม่ โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่มีท่าทีจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ เพราะพรรคการเมืองหน้าใหม่ จะมีโอกาสเริ่มต้นดำเนินการเรื่องต่างๆได้ก่อนพรรคการเมืองเก่าเป็นเวลา 1 เดือน นั่นเป็นเหตุผลให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตกรรมาธิการ(กมธ.)ร่างรัฐธรรมนูญ ต้องดีใจยกใหญ่ ประกาศปาวๆว่า พร้อมจัดตั้งพรรคการเมืองสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวมีนัยยะน่าสนใจว่า วันนี้ต้องเป็นคนของประชาชนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม หรือจะเป็นอะไรที่ทุกคนตั้งให้ ผมเป็นได้หมด วันนี้ผมทำหน้าที่เพื่อประชาชน และอยากจะบอกว่าไม่ว่าใครก็ตามที่มายืนอยู่ตรงนี้ จะมาด้วยวิธีใดก็ตาม ขอให้ดูเจตนารมณ์ความมุ่งมั่น ผมพยายามที่จะทำให้ประเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง หากใครที่คิดมุ่งมั่นอย่างนั้นก็เหมาะสม ที่จะมาบริหารงานในอนาคตต่อไป
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำถึงเจตนา ที่ผู้นำประเทศไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตาม ต้องดูที่เจตนารมณ์และความมุ่งมั่น พูดง่ายๆคือ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะบอกว่า ส่วนตัวมีเจตนาดีในการเข้ามาบริหารประเทศ จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องของวิธีการ ด้วยเหตุนี้แล้ว อนาคตหลังการเลือกตั้ง “บิ๊กตู่” จะเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากนายกฯคนนอก