“โรค” ที่พึงระวัง ก่อน “ถอนฟัน”

สามารถรักษาได้หรือไม่ หากฟันผุมากไม่สามารถรักษาได้ก็ต้องถอนออก

ก่อนจะถอนฟันจะต้องมีการตรวจร่างกาย ตรวจวัดความดันโลหิต และซักประวัติคนไข้อย่างละเอียด ว่ามีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ รับประทานยาอะไรอยู่หรือเปล่า

โรคที่พบบ่อยและถือข้อจำกัดในการถอนฟัน มีอยู่ไม่กี่โรค อาทิ โรคเบาหวาน (Diabetes) โรคความดันโลหิตสูง (High Blood Pressure) และโรคหัวใจ (Cardiovascular/ Heart Disease) ถ้าคนไข้เป็นโรคเหล่านี้ควรระมัดระวัง แต่มิได้ถือเป็นข้อห้าม คือ ไม่ได้หมายความว่า เป็นโรคเหล่านี้แล้วจะถอนฟันไม่ได้ แต่การถอนฟันจะต้องทำด้วยความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น

เนื่องจากก่อนถอนฟัน จะต้องมีการฉีดยาชา (Local Anesthetics)ให้กับคนไข้ ถ้าคนไข้เป็นโรคความดันโลหิตสูง การฉีดยาชาบางชนิดเข้าไป จะทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นอีก คนไข้บางรายความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นแม้แต่เพียงนิดเดียวก็อาจทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้

ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในการฉีดยาชา ถ้าคนไข้เป็นโรคความดันโลหิตสูง แต่ปวดฟันมาก เพราะมีการติดเชื้อ อักเสบ เป็นหนอง อาจทำการรักษาด้วยการระบายหนองออก แล้วให้ยาแก้ปวดไปรับประทาน อาการปวดก็อาจบรรเทาลงได้ ขณะเดียวกันจะต้องให้คนไข้กลับไปพบอายุรแพทย์เพื่อควบคุมความดันโลหิตให้คงที่อย่าให้สูงจนเกินไป หรือเป็นโรคเบาหวานแผลจะหายช้า ก็ต้องควบคุมน้ำตาลให้คงที่ก่อน และถ้าเป็นโรคหัวใจ คนไข้ต้องรับประทานยาละลายลิ่มเลือด (Anticoagulant drugs)อยู่ ก็ต้องให้กลับไปหาอายุรแพทย์โรคหัวใจ เพื่อพิจารณาให้หยุดยาก่อนมาถอนฟัน

เมื่อเห็นว่าปลอดภัยกับคนไข้ ไม่มีปัจจัยเสี่ยงแล้ว ในการถอนฟันทันตแพทย์อาจเลือกใช้ยาชาที่มีความปลอดภัย ไม่ทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่ประสิทธิภาพยาชาดังกล่าวการชาจะน้อยกว่า จนทำให้คนไข้รู้สึกเจ็บปวดเวลาถอนฟัน มากกว่าการใช้ยาชาที่ทำให้ชาลึกและนาน แต่มีข้อเสียคืออาจไปทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นนิดหน่อย

ถ้าไม่มีโรคประจำตัวอะไร ก็ไม่มีปัญหาต่อการถอนฟัน ในอดีตเคยมีเหมือนกันที่ทันตแพทย์ซักประวัติไม่ละเอียด อีกทั้งคนไข้ปกปิดข้อมูลซึ่งถือเป็นความเสี่ยง ดังนั้นก่อนทำการถอนฟัน จำเป็นจะต้องมีการตรวจร่างกายและซักประวัติอย่างละเอียด มิใช่เชื่อตามที่คนไข้พูดมาทั้งหมด เพราะบางทีคนไข้ปวดฟันมากต้องการถอนฟัน อาจไม่ได้ให้ข้อมูลอย่างละเอียด ยิ่งถ้าคนไข้เป็นโรคหัวใจ ถ้าไม่บอกจะดูไม่ออก

ส่วนการถอนฟันจนถึงขั้นทำให้ช็อกหรือไม่นั้น พบได้น้อยมาก ส่วนใหญ่มักพบในเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากเด็กบางคนไม่ให้ความร่วมมือ กลัวเครื่องไม้เครื่องมือทำฟัน เหมือนกับกรณีที่เป็นข่าว ทางหน้าหนังสือพิมพ์ ดังนั้นก่อนจะทำการถอนฟันสักซี่ให้กับเด็กที่กลัวและไม่ให้ความร่วมมือ จะต้องประเมินก่อนว่าโรคในช่องปากที่ เป็นนั้นมากน้อยแค่ไหน จำเป็นต้องทำเร่งด่วนหรือไม่

หากคุณผู้อ่านมีข้อสงสัยหรือมีคำถามอย่างไร ส่งE-mail มาที่ DrLalisa@SpringHillsDentistry หรือโทรมาที่คลีนิกทันตกรรมสปริงฮิลส์ เมือง Grand Terrace (ใกล้โรงพยาบาล Loma Linda) เบอร์ 909-825-3000

เรียบเรียงโดย อรรคเดช ศรีพิพัฒน์ สยามมีเดีย-ทีนิวส์