- 17 ม.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ความแตกแยกอุดมการณ์ทางการเมืองเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว ทำให้คนไทยจับปืนขึ้นมาต่อสู้กันเอง จนกลายเป็นสงครามระหว่างลัทธิคอมมิวนิสต์กับฝ่ายรัฐบาลไทยที่อยู่ฝั่งโลกเสรี โดยมีชาติมหาอำนาจทั้งสองฝ่ายคอยชักใยให้เกิดความขัดแย้งไปทั่วภูมิภาคเอเซีย
พื้นที่จังหวัดเลยเป็นหนึ่งในสมรภูมิการต่อสู้ระหว่างทหารไทยกับกองกำลังฝ่ายคอมมิวสต์ โดยเฉพาะที่เขตรอยต่อกับจังหวัดเพชรบูรณ์กับจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งมีหมู่บ้านหมากแข้ง ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย อยู่ติดกับเขตภูหินร่องกล้า ฐานที่มั่นของฝ่ายคอมมิวนิสต์ จึงเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงผลพวงแห่งศึกสายเลือดครั้งนี้ได้
ในช่วงปีพ.ศ. 2519 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของการสู้รบ ความรุนแรงจึงทวีคูณขึ้น ฐาน ตชด.บ้านหมากแข้ง (ปัจจุบันเป็นที่ตั้งอุทยานเฉลิมพระเกียรติฯ) กลายเป็นจุดอ่อนไหวที่สุด
ช่วงเช้ามืดวันที่ 29 ตุลาคม 2519 ฝ่ายตรงข้ามได้บุกเข้ามาประชิด แล้วโจมตีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บล้มตายหลายนาย หลังจากนั้นช่วงเวลประมาณ 7 โมงเช้า เฮลิคอปเตอร์ได้บินเข้ามารับศพ และผู้บาดเจ็บ แต่ไม่ทันได้ลงแตะพื้นดิน ก็ถูกกองกำลังฝ่ายคอมมิวนิสต์ที่ตั้งฐานประจันหน้าอยู่บริเวณเนินเขาฝั่งตรงข้าม (ปัจจุบันที่ตั้งวัดป่าเย็นศิระ) ระดมยิงปืนใส่เฮลิคอปเตอร์ ได้รับความเสียหายบริเวณใบพัดด้านหาง ทำให้นักบินไม่สามารถนำเครื่องหนีออกไปได้ ตกใส่บ้านประชาชนสองหลัง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
นางเมิน ราศรีชัย อายุ 62 ปี บ้านเลขที่ 24 หมู่ 4 บ้านหมากแข้ง ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย เจ้าของบ้านที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ครั้งนี้เล่าว่า ตอนนั้นตนอายุประมาณ 17 ปี ขณะเกิดเหตุมีแม่กับตนอยู่ในบ้าน แม่อยู่ชั้นบน ส่วนตนหนีเข้าไปอยู่ในหลุมหลบภัยใต้ถุนบ้าน ร่วมกับเพื่อนบ้านอีกหลายคน พยายามเรียกแม่ให้ลงมาจากบนบ้าน เพราะมีการยิงกันอย่างหนัก แต่แม่ก็ไม่ยอมลงมา ได้ยินแต่เสียงปืนกับเสียงเฮลิคอปเตอร์ สักพักก็เห็นว่าเสียหลัก มาตกใส่ข้างบ้านก่อน แล้วมาตกใส่บ้านตนอย่างแรง จนบ้านพังไปเกือบทั้งหลัง
หลังเกิดเหตุ ชาวบ้านพากันมาดู และช่วยนักบินออกมาจากเครื่องบินได้อย่างปลอดภัย โดยได้บาดเจ็บเล็กน้อย ตอนนั้นตนรู้สึกกลัวมาก ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ร้องไห้อย่างเดียว รีบวิ่งขึ้นไปดูแม่อยู่บนบ้าน เห็นว่าแม่รอดตายอย่างหวุดหวิด
หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 5-6 พฤศจิกายน 2519 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงทราบ ด้วยความห่วงใยพระองค์จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ ร.อ.สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร(พระอิสริยยศในขณะนั้น) เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมทหาร ตำรวจและราษฎรในพื้นที่ ได้เสด็จเยี่ยมปลอบขวัญชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ตำรวจทหาร โดยทางราชการได้ให้เงินช่วยเหลือค่าซ่อมแซมบ้านจำนวน 15,000 บาท โดยบ้านหลังนี้ได้ถูกรื้อแล้วสร้างใหม่เมื่อปี 20 ปีที่แล้ว
ปัจจุบัน บ้านนางเมิน เป็นหนึ่งในจุดท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ โดยมีรูปภาพฮ.ตกใส่บ้าน นำมาติดตั้งไว้บนผนังนอกบ้าน ให้เยาวชนรุ่นหลังได้ศึกษาเหตุการณ์ความขัดแย้งอุดมการณ์ทางการเมืองในอดีต เพื่อเป็นบทเรียนไม่ให้ความเลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นอีก…
ภาพ/ข่าว ภัทราวุธ บุญประเสริฐ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.เลย