กระบี่พลิกวิกฤต เป็นโอกาสเลี้ยงหอยแมลงภู่ แบบต้นทุนต่ำ สร้างอาชีพสร้างรายได้

วันที่ 18 มกราคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านท่าประดู่ หมู่ 4 ตำบลห้วยน้ำขาว อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ชาวบ้านในนามกลุ่มเกษตรกรบ้านท่าประดู่ทำฟาร์มเลี้ยงหอยแมลงภู่ โดยมีนายชาตรี หลีเหล็ก ประธานกลุ่มประมงผู้เลี้ยงหอยแมลงภู่ พร้อมด้วย นายวินัย ผิวดำ กำนันตำบลห้วยน้ำขาว นางสาวสำเนียง ศรีระแก้ว ประมงอำเภอคลองท่อม นายเศรษฐบุตร บุญรอด ปลัดอำเภอ และกลุ่มชาวบ้านผู้เลี้ยงหอยแมลงภู่ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการเกษตรประชารัฐ เพาะเลี้ยงหอยแมลงภู่ภายใต้โครงการ 9101 ปี60

เพื่อส่งเสริมสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชาวบ้านและชุมชน ซึ่งถือว่าเป็นอาชีพหนึ่งต้นทุนในการเลี้ยงต่ำ จึงเหมาะสำหรับชาวบ้านที่อยู่ใกล้บริเวณปากแม่น้ำป่าชายเลน โดยกลุ่มเลี้ยงหอยแมลงภู่ที่ตำบลห้วยน้ำขาวเป็นหอยแมลงภู่พันธุ์ทั่วไป ซึ่งมีกระชังเลี้ยงประมาณ 30 กระชัง 1 กระชังจะเลี้ยงได้ 90-100 พวงตามมาตรฐานทั่วไป

นายวินัย ผิวดำ กำนันตำบลห้วยน้ำขาว และประธาน 4 กลุ่มตำบล ได้กล่าวว่า ซึ่งโครงการเลี้ยงหอยแมลงภู่เป็นการฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลไปในตัว และรองรับเกี่ยวกับคลองท่อมเมืองสปา ซึ่งจะได้มีแหล่งผลผลิตทางทะเล และทางตำบลห้วยน้ำขาวจะมีการประมงชายฝั่งอยู่เป็นหลัก คนในหมู่บ้านและสมาชิกก็ได้ทยอยนำหอยแมลงภู่ออกไปจำหน่าย และจะมีคณะมาศึกษาดูงานหรือขั้นตอนการผลิตอยู่เป็นประจำ

ด้านนางสำเนียง ศรีระแก้ว ประมงอำเภอคลองท่อม ได้กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการ 9101 ปี 60 ทางกลุ่มก็สามารถต่อยอดได้เลยเพราะว่าผลผลิตที่จะได้ก็ทยอยขายไปเรื่อยๆ พอกระชังไหนว่างก็จะทำการสั่งซื้อหอยมาเลี้ยงต่อ ซึ่งสามารถทำได้ทั้งปี และมีผลผลิตออกมาโดยตลอด ส่วนข้อดีการเลี้ยงหอยแมลงภู่ คือแค่ซื้อพันธุ์หอยแมลงภู่มาเพาะเลี้ยงก็สามารถนำขายได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในเรื่องของอาหารการกินของ เพราะหอยแมลงภู่จะกินแพลงตอนจากธรรมชาติ ส่วนอุปสรรคของการเลี้ยงคือน้ำที่ไม่ได้คุณภาพจะทำให้หอยตายจึงไม่สามารถนำออกจำหน่ายได้

 

นายเศรษฐบุตร บุญรอด ปลัดอำเภอคลองท่อม ได้กล่าวว่า เราไม่ต้องหาซื้อหอยแมลงภู่จากที่อื่น สามารถหาซื้อได้ตามแหล่งชุมชนได้เลย ซึ่งราคาจะไม่แพงมาก ส่วนตัวผู้เลี้ยงเองหรือชาวบ้าน ประมงชายฝั่ง ก็จะมีรายได้เสริม และส่วนต่อไปจะนำส่งหอยแมลงภู่เพื่อนำออกจำหน่ายตามตลาดประชารัฐของทางอำเภอคลองท่อมเพื่อส่งเสริมอาชีพเลี้ยงหอยแมลงภู่เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร

 สำหรับการเลี้ยงหอยแมลงภู่ ถือว่าเป็นอาชีพอย่างหนึ่งที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน เป็นการลดต้นทุนในการเลี้ยงโดยไม่ต้องให้อาหาร ซึ่งอาหารส่วนใหญ่ได้มาจากเพลนตอล ที่มาจากธรรมชาติ 100 % โดยราคาหอยแมลงภู่ตามท้องตลาดจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 60-70 บาท สำหรับใครที่สนใจและต้องการศึกษาเรียนรู้ก็สามารถที่จะโทรสอบถาม นายชาตรี หลีเหล็ก ผู้ใหญ่บ้านท่าประดู่ได้ 089-291-0244

ทั้งนี้หอยแมลงภู่ (หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Green Mussel) เป็นหอยสองฝา อาศัยอยู่บริเวณปากแม่น้ำที่มีความลึก 2-8 เมตร ถ้าดูที่เปลือกจะแยกเพศไม่ได้ ต้องดูที่เนื้อใน ตัวผู้มีสีครีมน้ำตาลอมเหลือง ส่วน ตัวเมียจะมีสีส้ม-แดง เมื่อช่วงมีไข่จะยิ่งแดง

หอยแมลงภู่เป็นอาหารทะเลที่มากด้วยแร่ธาตุจำเป็นสำหรับคนเรา เช่น ธาตุเหล็ก ทองแดง สังกะสี แคลเซียม และที่สำคัญมี ไอโอดีน สูงถึง 600 ไมโครกรัม/หอย 1 กิโลกรัม (มากกว่าเนื้อหมูประมาณ 2 เท่า) มี วิตามินบีรวม มีปริมาณโคเลสเตอรอลต่ำ ให้ แคลอรี่ต่ำ เหมาะกับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก แต่ควรระวังการปรุงด้วยน้ำมัน อย่างเช่นหอยแมลงภู่ในเมนูหอยทอด และออส่วน หอยแมลงภู่นั้นอุดมไปด้วยธาตุเหล็กสูง หากรับประทานวันละ 85 กรัม หรือประมาณ 4-5 ตัว จะช่วยบำรุงให้ผิวที่ซีดเซียว หรือรอยคล้ำ เช่น บริเวณใต้ตา ค่อยๆ ดูเปล่งปลั่ง สดใสมากขึ้น มีธาตุเหล็กสูง บำรุงเลือดช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง ป้องกันโรคโลหิตจาง การทำงานของระบบไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่างๆ ได้ดี ช่วยทำลายสารพิษจากมลพิษควันบุหรี่ ป้องกันโรคเหน็บชา ชาตามนิ้วมือนิ้วเท้า ทำให้ร่างกายไม่เกิดอาการอ่อนเพลีย มีคอลลาเจนบำรุงผิว ช่วยปรับสภาพผิวหนังให้เป็นปกติ ช่วยทำให้ ผิวหนัง เล็บ เส้นผมมีสุขภาพที่ดี ช่วยเรื่องของการนอนหลับที่ดีขึ้น และมีสารที่มีความจำเป็นต่อการทำงานของสมอง บำรุงระบบประสาท ช่วยลดอาการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อ ข้ออักเสบ

 

 ข่าว/ภาพ บัญฑิต รอดเกิด ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ กระบี่