ประชาธิปไตย เดินตามฝรั่ง + ทุนนิยม สมการสู่หายนะ ทั้งไทยและทั่วโลก จุดเปลี่ยน..“ประชาธิปไตย ไทยนิยม” !!

ประชาธิปไตย เดินตามฝรั่ง + ทุนนิยม สมการสู่หายนะ ทั้งไทยและทั่วโลก จุดเปลี่ยน..“ประชาธิปไตย ไทยนิยม” !!

หากจะนิยามความหมายของประชาธิปไตยแล้ว คงไม่มีคำนิยามไหนตรงไปตรงมาเท่ากับคำกล่าวของอับราฮัม ลินคอล์น อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่กล่าวว่า ลักษณะของรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย คือ “ รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชน ” กล่าวโดยสรุปคือ อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน


แต่สำหรับประเทศไทยมีนิยามใหม่ “ประชาธิปไตย ไทยนิยม” ท่อนหนึ่งของโอวาทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีต่อเด็กๆ เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติเมื่อวันที่ 13มกราคม ที่ผ่านมา

    “เราจะต้องมีประชาธิปไตยแบบไทยนิยม ซึ่งจะต้องเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ” 

 

หลายคนอาจยังสงสัย ว่าแท้จริง “ประชาธิปไตยไทยนิยม” นั่นหมายความว่าอย่างไร มีคำจำกัดความเป็นเช่นไร และแตกต่างอย่างไรกับ “ประชาธิปไตยแบบสากล”

ประชาธิปไตยแบบสากล โดยมีความหมายว่า “การปกครองที่ประชาชนเป็นใหญ่ และถือมติเสียงข้างมาก” นอกจากนี้ยังมีนิยามว่า ระบอบการปกครองซึ่งการบริหารอำนาจรัฐมาจากเสียงข้างมากของพลเมืองผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยโดยพลเมืองอาจใช้อำนาจของตนด้วยตนเองหรือผ่านผู้แทนที่เลือกไปใช้อำนาจแทนก็ได้

ซึ่ง”ประชาธิปไตย” จะพ่วงมาพร้อมกับระบบเศรษฐกิจแบบ “ทุนนิยม” ซึ่งประเทศไทยเราเองที่ผ่านมาก็ใช้ระบบทั้งสองนี้ตามกันมา ซึ่งไม่น่าแปลกอะไร เพราะไทยเราไม่เคย และไม่กล้าคิด อย่าว่าแต่ลงทำเลย ได้แต่เดินตามฝรั่ง อ้างตัวเป็นพวกหัวก้าวหน้า แต่ไม่กล้าแตกต่าง

หลายคนเรียกประเทศสหรัฐอเมริกาว่า “ประชาธิปไตยทุนนิยม” เพราะปกครองโดยระบอบประชาธิปไตย แต่มีระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเสรีเต็มที่ นักวิชาการใช้ภาษาอีกแบบ พวกเขาเรียก สหรัฐอเมริกาว่าเป็นประเทศ “เสรีนิยมประชาธิปไตย” ด้วยความเป็นสัญลักษณ์แห่งโลกเสรี ไร้การควบคุม นำพามาสู่หายนะ  วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ หรือ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  วิกฤติสินเชื่อซับไพรม์ 

การที่ความคล่องตัวของตลาดสินเชื่อทั่วโลกและระบบธนาคารลดลง ซึ่งมีสาเหตุหลักมาจากความซบเซาของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา การกู้ยืมและการให้กู้ยืมที่มีความเสี่ยงสูง และระดับหนี้สินของบริษัทและบุคคลที่สูงเกินไป วิกฤติครั้งนี้มีผลหลายขั้นและค่อย ๆ เผยให้เห็นความอ่อนแอในระบบการเงินและระบบการควบคุม

 

ขณะเดียวกันประชาธิไตยและทุนนิยม ก็ทำให้หลายชาติเกือบล้มสลาย ท้ายสุด”ทุนนิยม”ก็ได้กัดกินประเทศ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน นั่นก็คือ “กรีซ”เคยเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่มากๆในอดีตตระการ แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะต้องพบจุดจบตอนนี้ ว่ากันว่า ถ้าขายที่ดินทุกตารางวาในกรีซยังไม่พอใช้หนี้ “กรีซ”ตกอยู่ในภาวะล้มละลายเนื่องจากไม่มีเงินจ่ายให้เจ้าหนี้ ภาวะล้มละลายทำให้ชาวกรีกเดือดร้อนกันถ้วนหน้า

วิกฤตที่เกิดขึ้นไม่มีสาเหตุอะไรมากไปกว่าจุดเริ่มต้นจากการใช้เงินมือเติบวินัยทางการคลังขาดสะบั้นของรัฐบาล ผ่านนโยบายเอาใจฐานเสียงที่ประเทศไทยชอบเรียกกันว่า “ประชานิยม” แต่กลับหาเงินมาเติมงบประมาณที่สูญไป ไม่เก่ง นัก!!

หนี้เลยท่วมหนักจนต้องไปอ้อนขอเงินจากในยุโรปผ่านธนาคารกลางแห่งยุโรป (ECB) มาแก้หนี้ แต่เงินกู้ไม่ใช่ได้มาเปล่าๆแน่นอน เพื่อนๆใน EU จำต้องสวมบทโหดดดด เพื่อบีบให้กรีซหาเงินมาคืนให้จงได้ ไม่ว่าจะบังคับให้รัดเข็มขัด ปลดข้าราชการ รีดภาษี ลามไปถึงสถาบันการเงินทั้งรัฐและเอกชนต้องรับกรรมช่วยปลดหนี้กันทั่วหน้า หลังๆหนักถึงขั้นปิดสถานีโทรทัศน์วิทยุ ปลดคนงานรัฐวิสาหกิจแทบหมดประเทศ แต่นั่นก็ไม่ช่วยอะไร ยิ่งรัดยิ่งรีด…เศรษฐกิจยิ่งหด…ยิ่งทำให้คนอดอยาก ตัวเลขชัดๆก็ GDP ปี 2552-56 หดตัวลงรวม 24% เหมือนอยู่ๆเคยหาเงินได้ 100 บาท ลดเหลือ 76 บาท ปัจจุบันถ้าเดินตามถนน ใน 4 คนจะมีคนกรีซว่างงาน 1 คน แล้วยิ่งถ้าเจาะเฉพาะวัยหนุ่มสาวจะยิ่งหนักเป็น 1 ใน 2 คนหรือครึ่งๆเลยทีเดียว

ทั้งนี้ ไม่ว่า ประเทศ หรือชาติก็ตาม การที่ชาติทั้งหลายตั้งงบขาดดุลนั้น สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า การหาเสียง ”สัญญาว่าจะให้” ของนักการเมืองในช่วงใกล้เลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งต้องใช้เงินทั้งสิ้น เมื่องบประมาณไม่พอ ก็เลยต้องไปกู้เงินมาทำโครงการตามสัญญาเหล่านั้น โดยมักจะยกยอดหนี้ไปให้รัฐบาลชุดต่อไปชำระ ซึ่งรัฐบาลชุดต่อไปก็ต้องสัญญาว่าจะให้เพื่อหาเสียงด้วยเช่นกัน เป็นงูกินหางกันไปแบบนี้ในทุกประเทศทั่วโลกที่ใช้ระบบอุบาทว์ทั้งสองนี้ควบคู่กัน นำสู่สมการ ประชาธิปไตย + ทุนนิยม คือหนทางสู่หายนะ

แบบแล้วนี้ จะดีกว่าหรือไม่... หากเราจะมี “ประชาธิปไตยแบบไทยนิยม” เพื่อคนไทย ฉีกทุกตำราฝรั่งอย่างสิ้นเชิง !!!

อ่านเพิ่มเติม>> "มาร์ค" ไม่รู้ "ประชาธิปไตยแบบไทยนิยม"เป็นแบบไหน?! บอกได้แบบเดียวว่า ไม่เป็นสากล ก็เลยเป็นไทย!!??