อดีตครูเกษียณราชการ ออกโรงแฉ..ผอ.รร.อนุบาลชื่อดัง "เอาเงินรายได้โรงเรียนไปใช้ส่วนตัว กว่า 42 ล้าน" หนี้ตกเป็นของครู รับกรรมแทน ? (คลิป)

จากกรณีที่ทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดลำปางมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายประยูร เรียนปิงวัง อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลลำปาง (เขลางค์รัตน์อนุสรณ์) หลังถูกกล่าวหาว่าเบียดบังเอาเงินของโรงเรียนไปใช้ส่วนตัวมากกว่า 42 ล้านบาท หลังจากที่ นางสุรณี กัลยารัตนกุล อายุ 64 ปี หรือครูต้อย อดีตครูเกษียณราชการ และอดีตเลขานุการส่วนตัวของผู้อำนวยการโรงเรียนคนดังกล่าว ที่ได้ลาออกไปก่อน และได้ออกมาร้องเรียนกับสื่อใน จ.ลำปาง เนื่องจากทนไม่ไหวที่ผู้อำนวยการคนดังกล่าวปัดความรับผิดชอบ และทำให้นางสุรณีได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก

โดยนางสุรณีเพราะต้องรับภาวะหนี้แทน เพราะได้ไปกู้เงินครูในโรงเรียน และนอกระบบมากว่า 10 ล้านบาท เพื่อหมุนเวียนในระบบ และให้ผู้อำนวยการคนดังกล่าวได้ใช้ส่วนตัว ในภายหลังผู้อำนวยการกลับไม่รับผิดชอบ ทำให้นางสุรณีต้องถูกติดตามทวงหนี้ดังกล่าว จึงต้องออกมาร้องเรียนในที่สุด พร้อมแสดงหลักฐานต่างๆ เพื่อกล่าวหา นายประยูร ว่า ได้ตั้งสำนักงานผู้อำนวยการขึ้น และได้นำเงินรายได้ของทางโรงเรียนไปใช้ในการส่วนตัว ทั้งจ่ายค่ารถ ค่าสร้างบ้าน ค่าวัสดุก่อสร้าง จ่ายดอกเบี้ย แม้กระทั้งค่ากินลาบมื้อละ 3,000 บาท เป็นต้น   ก่อนที่ทางทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง (สพป.) เขต 1 ตรวจพบว่ามีมูลความจริง จึงมีคำสั่งย้าย นายประยูร ให้มาปฎิบัติหน้าที่ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง (สพป.) เขต 1 เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 25560 เพื่อให้กระบวนการสอบสวนเป็นไปตามขั้นตอน เนื่องจากทางสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดลำปาง มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงขึ้น กรณีมีมูลความจริงในเรื่องดังกล่าว ซึ่งความคืบหน้าล่าสุดในเดือนมกราคม 2561 ขณะนี้ทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงได้ดำเนินงานสอบสวนเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว  และได้ส่งรายงานทั้งหมดมายังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดลำปาง

ในเรื่องนี้ ทางด้าน นายธนาวัฒน์ คำราช รองศึกษาธิการจังหวัดลำปาง รักษาราชการแทนศึกษาธิการจังหวัดลำปาง ได้เปิดเผยว่า เมื่อรายงานส่งมาถึงตนเองจะได้ตรวจสอบความถูกต้องของรายงานทั้งหมดก่อน หลังจากนั้นก็จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการศึกษาธิการจังหวัดลำปาง (อกศจ.) ซึ่งมี ดร.สมาน ฟูแสง เป็นประธานฯ เพื่อกลั่นกรองก่อน หลังจากนั้นเมื่อได้มติของ อกศจ. แล้ว ก็จะนำเข้าสู่การพิจารณาของ กศจ.ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เป็นประธาน เพื่อมีมติในเรื่องดังกล่าว

“หลังจากนั้นก็จะส่งมติให้กับ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง (สพป.) เขต 1 ตรวจสอบ เมื่อ ผอ.สพป.ลำปาง เขต 1 ได้รับเรื่องแล้วก็จะเปิดโอกาสให้ นายประยูร ผู้ถูกกล่าวหาได้ทักท้วงอีกครั้ง โดยให้เวลาประมาณ 30 วัน ในการทักท้วง เมื่อหมดเขตแล้วก็จะส่งเรื่องไปยังกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้พิจารณาในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งในชั้นนี้ เมื่อกระทรวงศึกษาธิการมีคำสั่งเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้ถูกกล่าวหาก็ยังมีโอกาสอุทธรณ์คำสั่งได้อีกชั้นหนึ่งด้วย ซึ่งในแต่ละขั้นตอนก็จะมีระยะเวลาที่กำหนดตามระเบียบ”

รองศึกษาธิการจังหวัดลำปาง ยังเผยว่า ในเรื่องนี้ยืนยันว่า ทุกฝ่ายไม่ได้นิ่งนอนใจ ทำทุกอย่างตามระเบียบขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด แม้ว่าบางครั้งบุคคลภายนอกที่ติดตามเรื่องดังกล่าวอาจจะมองว่าคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องทำงานล่าช้า แต่ทั้งนี้ ต้องเข้าใจว่า ทุกคนทุกฝ่ายต้องทำงานตามกรอบเวลา และต้องทำด้วยความรอบคอบด้วย แต่อยากให้ทุกคนสบายใจว่าแม้ผลการสอบสวน หรือคำสั่งจะออกมาอย่างไรก็ตาม ก็จะมีผลย้อนหลังทั้งหมดอยู่แล้ว และขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชาในระดับกระทรวงเองก็ได้ติดตาม และสอบถามเรื่องดังกล่าวอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา ทาง พล.ท.โกศล ประทุมชาติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เผยถึงความคืบหน้าการสอบสวนวินัยรายแรงในเรื่องนี้ต่อสื่อมวลชน ว่า ทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงได้สรุปผลสอบแล้ว ซึ่งพบว่ามีความผิดจริง โดยคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงได้เสนอไล่ออกจากราชการ ซึ่งขั้นตอนต่อไปนั้นจะมีการเสนอให้ กศจ.ลำปาง ได้รับทราบ และพิจารณาต่อไป

(นางสุรณี กัลยารัตนกุล หรือครูต้อย)

อัศวิน วงค์หน่อแก้ว    สำนักข่าวทีนิวส์   จังหวัดลำปาง