จากอธิการฯ สู่เกรียนคีบอร์ดผู้โพสต์เท็จ?! "ชาญวิทย์" ส่อกระอัก"ปอท." ลุยเอาผิดปมโพสต์มั่วกระเป๋า"อ.น้อง" โดนถลกจนหมดสภาพนักวิชาการชื่อก้อง?!

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

ดูเหมือนกรณี อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ "ชาญวิทย์ เกษตรศิริ” ที่โพสต์ข้อมูลมั่วกรณีกระเป๋าถือ "อ.น้อง" หรือ รศ.นราพร จันทร์โอชา ภริยาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่จบลงง่าย ๆ เสียแล้ว หลัง "ปอท." ลุยเอาผิดคดีดังกล่าว และจะว่าไปกรณีนี้ ชาญวิทย์ก็แทบสิ้นสภาพนักวิชาการผู้สุขุม ไม่ต่างอะไรกับเด็กเกรียนคีย์บอร์ดซึ่งโจมตีผู้อื่นด้วยความเท็จ


หากมองจากที่มาที่ไป ซึ่งเคยเป็นถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ชื่อดัง อายุอานามขนาดนี้ แทบไม่น่าเชื่อว่า "ชาญวิทย์ เกษตรศิริ” จะยอมโพสต์ข้อมูลที่ไร้การตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีกระเป๋าถือ "อ.น้อง"  จากเฟซบุ๊กบัญชี "Ploy Siripong" ซึ่งถือเป็นคนเสื้อแดง และระบุข้อความเป็นเท็จไว้ในเฟซบุ๊กของตน ก่อนชาญวิทย์จะเข้ามาแชร์ต่อว่า 


 

"กระเป๋าป้าไฝ เเฮเมส หนังจรเข้ สีดำราคา 2 ล้าน
มึ....งเป็นอดีตข้าราชการครู มึ....งเอาเงินจากไหนซื้อ
ส่วนนายกปูเป็นนักธุรกิจหมื่นมาก่อนนะจ๊ะ"


ขณะที่ตัว "ชาญวิทย์" เองระบุข้อความพร้อมภาพประกอบสำทับ ในทำนองเหน็บเรื่องนี้ด้วยภาษาไทย และอังกฤษในเฟซบุ๊กตนเองเช่นกันว่า "ผู้นำ ต้องใช้ของแพง ๆ Thai leaders must look expensive not cheap.."

 

จากอธิการฯ สู่เกรียนคีบอร์ดผู้โพสต์เท็จ?! "ชาญวิทย์" ส่อกระอัก"ปอท." ลุยเอาผิดปมโพสต์มั่วกระเป๋า"อ.น้อง" โดนถลกจนหมดสภาพนักวิชาการชื่อก้อง?!


 

เรื่องนี้เป็นประเด็นขึ้นมาทันทีหลังข้อความดังกล่าวเผยแพร่ออกไป เพราะสิ่งที่ "ชาญวิทย์" โพสต์ไปนั้น...ถือเป็นความเท็จอย่างยิ่ง เพราะหลายฝ่ายก็พิสูจน์ให้เห็นเชิงประจักษ์แล้วว่า กระเป๋าของ อ.น้อง เป็นของศูนย์ศิลปาชีพ ไม่ใช่เป็นกระเป๋า  "เฮเมส หนังจรเข้ สีดำราคา 2 ล้าน" ดังที่ "Ploy Siripong" สร้างเรื่องเท็จ และชาญวิทย์ไปแชร์มาแปะไว้ และนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสารทิศ...จนอาจพูดได้ว่า...เจ้าตัวถึงขั้นยับเยินก็ย่อมได้

 

เหนืออื่นใดก็คือ ดูเหมือนว่า ทางกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท.จะขยับเรื่องนี้เช่นกัน โดย พ.ต.อ.โอฬาร สุขเกษม ผกก.3 บก.ปอท. ออกมาเปิดเผยกรณีนี้วานนี้ว่า ทางพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท.ได้รับเรื่องร้องทุกข์ ให้ดำเนินคดีในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ว่า ขณะนี้ ทางพนักงานสอบสวนได้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ แล้ว

 

โดยมีการสอบปากคำไปแล้ว 2 ปาก ยังคงเหลือพยานที่ต้องสอบปากคำอีก 2-3 ปาก เพื่อนำไปประกอบกับหลักฐานต่างๆ ในการพิจารณาออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีการโพสต์ภาพดังกล่าวทางโซเชียลมีเดีย ในความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) โดยจะเร่งดำเนินการโดยเร็ว คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์

 

คำกล่าวของ พ.ต.อ.โอฬาร แจ่มชัดในตัวเองอยู่แล้วว่า มีแนวโน้มสูงว่าจากนี้ “ชาญวิทย์” อาจต้องเทียวขึ้นโรงขึ้นศาลจากคดีนี้อีกพักใหญ่แน่ ๆ แม้ล่าสุด เจ้าตัวจะออกมายืนยันความบริสุทธิ์ใจในการแสดงความคิดเห็น และยินดีที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมก็ตาม แต่ข้อความที่โพสต์นั้น  "ก็มีลักษณะเข้าข่ายบิดเบือนข้อมูลให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดว่าเป็นกระเป๋าหรูราคา 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 14 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560" เพราะข้อความที่เขาโพสต์ร่วมกับ "Ploy Siripong" นั้น...ก็ระบุเรื่องนี้อยู่ทนโท่

 

จนเจ้าตัวเองยังยอมรับเรื่องนี้ว่า "ส่วนตัวนั้นไม่ได้เป็นคนที่ติดตามรายละเอียด หรือเข้าใจเกี่ยวกับราคาสินค้า แต่ในแง่ที่ต้องการสะท้อนภาพของสังคมไทย ที่ว่าชนชั้นนำมีการเลือกใช้สินค้าแบรนด์เนม ราคาแพง ถือว่าเป็นเรื่องปกติมากๆ เป็นการแสดงความคิดเห็นปกติในฐานะประชาชน ซึ่งส่วนตัวยอมรับว่าการแชร์ข้อมูลเป็นพฤติกรรมใหม่ของบุคคลที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ กรณีดังกล่าวมาพร้อมๆ กับการแชร์ภาพกระเป๋าของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จึงกลายเป็นกระแสที่สื่อถึงลักษณะการใช้ชีวิตของชนช้ันนำไทย  และกรณีการใช้สินค้าราคาแพงนั้น ถือว่าเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร"

 

นั่นคือสิ่งที่ชาญวิทย์ระบุ หลังรู้ตัวว่ากำลังจะถูกดำเนินคดี แล้วจะว่าไปก็ย้อนแย้งกับสิ่งที่โพสต์เหน็บ อ.น้องในตอนแรกอยู่ไม่น้อง โดยเฉพาะประโยคที่ว่า "ส่วนตัวนั้นไม่ได้เป็นคนที่ติดตามรายละเอียด หรือเข้าใจเกี่ยวกับราคาสินค้า" ดังนั้น เรื่องนี้จึงยากจะตีความเป็นอื่น หากไม่ใช่การหวังโจมตีรัฐบาล คสช. อันถือเป็นอริทางการเมืองกับ "ลิเบอร่าน" อย่างเขา...โดยไม่ตรึกตรองถึงข้อเท็จจริง


จากนี้...คงต้องรอดูว่า...อธิการบดีฯ ชื่อก้องในกลุ่มแดงร่านอย่าง "ชาญวิทย์" จะประสบกับสิ่งใดในชีวิต หลังจากกระทำเรื่องนี้ไปแบบไม่ตรึกตรอง...แม้จะมีกองเชียร์จากลูกศิษย์สายนี้ให้กำลังใจพอสมควร แต่หลายคนก็เอ่ยปากว่า...หากเรื่องนี้ไปเกิดกับลิเบอร่านวัยละอ่อนสายพันธุ์ใหม่ที่ออกมาโจมตี คสช.อยู่เนือง ๆ ก็ไม่น่าแปลกใจนัก แต่นี้เกิดกับนักประวัติศาตร์ชื่อก้อง แลพมีอายุอานามอย่างชาญวิทย์ เรื่องนี้อาจส่งผลให้เขาตายน้ำตื้นได้เลย...เพราะหลักฐานที่ ปอท.หยิบมาตั้งประเด็นนั้น...ชัดแจ้งมาก...และความผิดของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 นั้น หลายคนเข็ดขยาดมาแล้ว แม้เจ้าตัวจะออกปากว่า...ยินดีที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมก็ตาม แต่รับรองว่างานนี้ชีวิตไม่สนุกแน่...ก็รอดูกันว่า เกรียนคีย์บอร์ดรุ่นใหญ่อย่าง "ชาญวิทย์" จะรับมือเรื่องนี้ยังไง

 

อ่าน อคติวิจารณ์เป็นเหตุ!! "ชาญวิทย์" จากปราชญ์กลายเป็น...? บิดข้อเท็จ-ปิดหูตาโจมตี นำ"ความเสื่อม"กัดกินตัวเอง!!!