แม่ยอมติดคุก ! "ประชดลูกชายชั่ว" มีครอบครัวแล้วยังเกาะแม่กิน มั่วสุมเสพยา-พกปืน เจอตร.บุกค้น วิ่งหนีทิ้งแม่รับเคราะห์ (คลิป)

(19 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเย็นวานนี้ (18 ม.ค.)  พ.ต.ท.พงศ์ศักดิ์ วิทย์การพงศ์ รอง ผกก.ป.สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งเหตุวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติดที่บ้านเลขที่ 442 หมู่ 7 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.ดร.ก่อเกียรติ ทองนุ่น สวป.ด.ต.อภินันต์ บัณฑิตกุล ผบ.หมู่ ป. พร้อมกำลัง อส.ตร.เข้าตรวจสอบภายในบ้านพบนางละม่อม สะม้อและ อายุ 52 ปี เจ้าของบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจค้นภายในบ้านพบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ชนิดอัดแก๊ส 2 กระบอก กระสุนปืนขนาดจุด 22 จำนวน 5 นัด และน้ำต้มใบพืชกระท่อม 1 หม้อ จึงควบคุมตัวนางละม่อม เจ้าของบ้านพร้อมของกลางไปดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย

ในขณะที่อยู่บนโรงพักนางละม่อม สะม้อและ ผู้ต้องหา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวด้วยน้ำตานองใบหน้าว่าจริง ๆ แล้วยาเสพติด และอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนนั้นเป็นของลูกชายตนเอง  อายุ 24 ปี ซึ่งได้วิ่งหลบหนีไปก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาถึงโดยทิ้งของกลางทั้งหมดไว้ และตนก็ยอมรับสารภาพว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตนเพื่อจะได้ติดคุกประชดลูกชาย เนื่องจากตนมีอาชีพรับจ้างกรีดยางมีรายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ในขณะที่ลูกชายที่หลบหนีมีครอบครัวแล้ว แต่ยังอาศัยอยู่กับตนและไม่ทำงานทำการเป็นหลักแหล่ง ที่สำคัญชอบยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาตลอด จนเป็นที่เอือมระอาของตนเองและเพื่อนบ้าน โดยตนห้ามปรามและขอร้องว่าอย่ายุ่งกับยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายขอให้มาช่วยทำงานหาเงินบ้าง  แต่ลูกชายของตนไมยอมรับฟัง ยังคงเสพน้ำต้มใบพืชกระท่อม และประดิษฐ์อาวุธปืนอัดแก๊สพาติดตัวไปในหมู่บ้านเป็นประจำ

 “ตนอยากให้ตำรวจจับกุมลูกชายตนไปติดตุกเพื่อจะได้ดัดสันดาน อย่างน้อยตนไม่ต้องมานั่งทนกับพฤติกรรมของลูกชายที่สร้างปัญหามากมาย แต่ตำรวจเข้ามาไม่ทันถึงลูกชายจองตนไหวและวิ่งหลบหนีไปได้เสียก่อน ตนจึงตัดสินใจยอมรับสารภาพว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตน ตนจะกรรมจากการกระทำของลูกที่ติดยาเสพติด ขอติดคุกประชดลูกชายใลูกชายหัวดื้อไม่เคยทำตามคำสั่งสอนของแม่ ไม่เคยเห็นใจแม่บังเกิดเกล้า ลูกชายตนจะได้สะใจ และตน อยากให้คนสังคมได้รับรู้ถึงหัวอกของคนที่เป็นพ่อแม่ หากเป็นคนเกเรพยายามห้ามและตักเตือนแต่ลูกยังดื้อไม่เชื่อฟัง  พ่อแม่ต้องหวานอมขมกลืน  ที่สำคัญลูกจะมีความรู้สึกอย่างไรที่แม่ต้องมารับเคราะห์กรรามติดคุกจากการกระทำของลูกในไส้ เชื่อว่าทุกวันนี้มีหลายครอบครัวที่อยู่ในสภาวะที่ไม่แตกต่างจากตน นางละม่อม กล่าวอย่างน่าสงสาร  เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเดียวกันได้เข้าตรวจสอบบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ 1 ต.กรุงหยัน อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช พบนางสาคร บุษบา อายุ 44 ปี เจ้าของบ้านอยู่ภายในบ้าน และพบน้ำต้มใบพืชกระท่อม 1 หม้อ จึงควบคุมตัวนางสาคร เจ้าของบานมาสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยนาง สาคร ให้การน้ำต้มพืชกระท่อมหม้อดังกล่าวเป็นของลูกชาย อายุ 20 ปี ที่ต้มไว้ดื่มกินเป็นประจำ  แต่เจ้าตัววิ่งหลบหนีไปก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึง นางสาคร จึงรับเคราะห์กรรมถูกดำเนินคดีแทนลูกและอาจจะต้องติดคุกแทนลูกชายเช่นเดียวกับนางละม่อมก็ได้ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รวบรวมพยานหลักฐานและสำนวนส่งอัยการพิจารณาสั่งห้องและนำตัวยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดทุ่งสง ส่วนสองแม่ที่ตกเป็นผู้ต้องหาจะได้รับโทษหรือไม่ มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับการพิพากษาของศาลต่อไป.

ยุทธนะ เตมะศิริ   ผู้สื่อข่าวภูมิภาค  สำนักข่าวทีนิวส์  จ.นครศรีธรรมราช