"ผมไม่แซะไม่กัดไม่จิกเรื่องนาฬิกา เพราะว่ามันเทียบไม่ได้กับหายนะการโกงข้าว-รถคันแรกนั่น "ข้อคิดที่น่ารับฟังยิ่งจาก"นักวิชาการดัง-สุวินัย"

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 

"ศิษย์หัวซาน ทีนิวส์"

 

นับแต่ที่สังคมได้ออกมาเปิดเผยปมนาฬิกาฉาวของ "บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และถูกขุดคุ้ยต่อเนื่องมาจนข้ามเส้นจำนวน 2 โหลเข้าไปแล้ว

 

ผู้ที่สนับสนุน และห่วงใยรัฐบาล คสช. หลายกลุ่มต่างออกมาเรียกร้องให้รัฐบาล และหน่วยงานที่มีอำนาจในการตรวจสอบอย่าง ป.ป.ช. ดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อดำรงความโปร่งใสของความเป็นรัฐนาวาเอาไว้ แต่ทว่าขณะเดียวกันทางฟากฝั่งผู้ยืนตรงข้าม คสช.อย่างคนเสื้อแดง และองคาพยพอื่น ๆ ของระบอบทักษิณก็หยิบเรื่องนี้ออกมาโจมตี และกระแนะกระแหน พล.อ.ประวิตร ไม่หยุดหย่อน ทั้งยังแขวะไปถึงกลุ่มคนที่สนับสนุน คสช. มาตั้งแต่ต้น ทำนอง...พอเรื่องของทักษิณหยิบมาโจมตียกใหญ่ แต่พอเรื่องนาฬิกาฉาวซึ่งเป็นรัฐบาลที่ตนเองเชียร์อยู่จึงเงียบเป็นเป่าสาก

 

เรื่องนี้จริงเท็จแค่ไหนไม่ทราบ แต่ล่าสุดนักวิชาการดังอย่าง "อ.สุวินัย ภรณวลัย" ซึ่งยืนฝั่งตรงข้ามกับระบอบทักษิณอย่างเต็มตัวและต่อเนื่อง ทั้งยังเห็นว่ายังไงรัฐบาล คสช. ก็ดีกว่า "ทุนนิยมสามานย์อย่างระบอบทักษิณ" แน่ และนิ่งเงียบเรื่องนี้มานาน ก็ออกมาแสดงความเห็นอย่างน่าสนใจทำนอง...เรื่องความฉาวของนาฬิกานั้น..เทียบไม่ได้กับหายนะจากโครงการจำนำข้าวและโครงการรถคันแรกเลยแม้แต่น้อย และเป็นเรื่องปกติที่คนอยู่ในอำนาจมักตกเป็นเป้าวิจารณ์ และหากจะพูดกันตรงๆ คสช.ยังไม่หมดความชอบธรรมถึงขนาดชนชั้นกลางในเมืองทนไม่ไหว ต้องลงถนนออกมาไล่ขับไล่...อย่างที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ประสบพบเจอ...เรื่องนี้ยังห่างไกลกันนัก

 

โดยรายละเอียดที่  "อ.สุวินัย" ระบุไว้ในเฟซบุ๊ก คือ


ผมไม่กัด ไม่แซะ ไม่จิกเรื่องนาฬิกาที่ยืมเพื่อนมานะ ผมว่ามันเทียบไม่ได้กับหายนะจากโครงการจำนำข้าวและโครงการรถคันแรกเลยแม้แต่น้อย เอากันตรงๆ คสช.หมดความชอบธรรมถึงขนาดชนชั้นกลางในเมืองทนไม่ไหว จนต้องลงถนนออกมาไล่ขับไล่แล้วหรือยัง ...ผมก็เห็นว่ายังห่างไกลจุดนั้นเหลือเกิน เอาเป็นว่าในช่วงสิบกว่าปีมานี้ นี่เป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพทางการเมืองที่สุดที่เคยมีมาก็ว่าได้ และการเปลี่ยนแปลง ปฏิรูปในบางด้านก็จับต้องได้ โอเค คนที่อยู่ในอำนาจมักตกเป็นเป้าวิจารณ์อยู่แล้ว มีเรื่อง หาเรื่องมาให้ด่าจนได้อยู่ดี ผมกลับมองว่า บิ๊กป้อมเป็น "เป้าล่อ" ของคสช.ให้บิ๊กตู่ขยับทำเรื่องอื่นๆได้สะดวกขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ การเอาแต่แซะเรื่องนาฬิกาแบบ "มองแต่ต้นไม้ไม่เห็นป่าทั้งหมด" จึงกลายเป็นความพ่ายแพ้ของไอ้ขี้แพ้ชวนตีในสายตาของผมมากกว่า ไม่ว่าฝ่ายเหลือง ฝ่ายแดง หรือฝ่ายหลากสีก็ตาม "ความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตที่เราทำต่อตัวเองทุกวี่วันคือการทำให้จิตวิญญาณตนเองอัปลักษณ์น่าเกลียดลงเรื่อยๆผ่านการบิดเบี้ยวของหัวใจและจิตใจของตนเองโดยไม่รู้สึกตัว" 

สุวินัย ภรณวลัย