ติดตามข่าวสารได้ที่ www.gninternews.com

วันที่ 20 ม.ค. 61 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า พล.อ.เจมส์ แมตทิส รมว.กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้ออกมาแถลงแผนยุทธศาสตร์นโยบายความมั่นคงของประเทศฉบับใหม่นับตั้งแต่ปี 2557 ที่อาคารเพนตากอน เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา โดย พล.อ.แมตทิส ได้กล่าวว่า กองทัพสหรัฐฯ ยังคงมีความแข็งแกร่งไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม ทางกองทัพก็พร้อมรับมือ ไม่ว่าจะเป็นการสู้รบทางอากาศ ทางบก ทางเรือ และการแข่งขันด้านอวกาศและการต่อสู้ทางไซเบอร์  นอกจากนี้ทางกองทัพยังให้ความสำคัญกับปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญด้านความมั่นคงที่ยึดมั่นมาตั้งแต่อดีต

 

"สหรัฐฯ" ยอมรับ จีน รัสเซีย คือประเทศผู้ท้าท้ายใหม่ที่สหรัฐฯต้องระวังมากที่สุด แต่มั่นใจกองทัพสหรัฐฯแข็งแกร่งที่สุด พร้อมรับมือทุกสถานการณ์

พล.อ.เจมส์ แมตทิส รมว.กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

ส่วนอีกด้านหนึ่งที่ทางกองทัพสหรัฐฯยังให้ความสำคัญคือ การแข่งขันด้านอิทธิพลและอำนาจทางการเมืองมีความเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งตอนนี้จะเห็นว่าทางจีนและรัสเซียได้ผงาดขี้นขึ้นมาอยู่ในระดับแนวหน้า ทางสหรัฐฯจึงให้คำนิยามว่าทั้งสองประเทศนี้เป็นประเทศผู้ท้าทายใหม่ที่ต้องระวัง แต่ว่า พล.อ.แมตทิส ไม่ได้กล่าวไว้ว่าจะมีวิธีการรับมือและเผชิญหน้ากับทั้งสองประเทศนี้อย่างไร

 

"สหรัฐฯ" ยอมรับ จีน รัสเซีย คือประเทศผู้ท้าท้ายใหม่ที่สหรัฐฯต้องระวังมากที่สุด แต่มั่นใจกองทัพสหรัฐฯแข็งแกร่งที่สุด พร้อมรับมือทุกสถานการณ์

ขณะที่ด้านนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ได้ออกมากล่าวว่า นโยบายความมั่นคงของสหรัฐฯคิดแต่เรื่องจ้องรับมือเผชิญหน้า แต่ในขณะที่ทางรัฐบาลรัสเซียพร้อมที่จะการหารือและเจรจากับอีกฝ่ายเสมอ จึงถือว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง ขณะที่ทางด้านจีนยังไม่ได้ออกมาตอบโต้ต่อคำพูดของ พล.อ.แมตทิส

 

"สหรัฐฯ" ยอมรับ จีน รัสเซีย คือประเทศผู้ท้าท้ายใหม่ที่สหรัฐฯต้องระวังมากที่สุด แต่มั่นใจกองทัพสหรัฐฯแข็งแกร่งที่สุด พร้อมรับมือทุกสถานการณ์

นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.กระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย

 

ทั้งนี้ ทางกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เคยให้คำจำกัดความรัสเซียว่าเป็นประเทศที่ละเมิดดินแดนของประเทศเพื่อนบ้าน และใช้อำนาจวีโต้ทางการทูตเพื่อผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจและความมั่นคง ส่วนทางด้านจีนนั้นถือเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยด้านสภาพแวดล้อมในทะเลจีนใต้