ลอกคราบ-ใครยัดเยียดข้อหา"กบฏ กปปส."? ไม่พ้น"เฉลิม-บางบอน" ขณะสวมหัวโขน"ผอ.ศอ.รส." อริชั่วนิรันดร์คนต้านทักษิณ-พบบี้คดีด้วยตัวเอง

ติดตามข่าวสารที่ www.tnews.co.th

 


วันนี้มีข่าวใหญ่ทางการเมืองชิ้นหนึ่ง นั่นคือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ในฐานะอดีตเลขาธิการ กปปส.  พร้อมด้วยแกนนำ กปปส. เดินทางมารายงานตัวกับอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เพื่อฟังคำสั่งคดี ร่วมกันเป็นกบฏ กรณีชุมนุมขับไล่รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2556-2557


 

อย่างไรก็ตาม คดีนี้สืบพยานกันมานานกว่า 3-4 ปี และหากจะมองไปถึงการดำเนินคดีก็ต้องย้อนไปในยุคที่ "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" ขึ้นมานั่งเป็น ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ผอ.ศอ.รส หลังมีการประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน.ช่วงเดือนมีนาคม 2557 ซึ่งขยับฐานะมาจาก ผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ หรือ ผอ.ศรส. เพื่อสานงานรับมือม็อบ กปปส. ที่ช่วงนั้นรุกไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จนแทบจะหมดตาเดินต่อ

 

ทั้งนี้ ระหว่างที่นั่ง ผอ.ศรส.นั้น "ร.ต.อ.เฉลิม" ก็เคยประกาศกร้าวแสดงอำนาจบาตรใหญ่มาครั้งหนึ่งแล้วว่า จะส่งหน่วยจู่โจมขอคืนพื้นที่ “หน่วยงานราชการจาก กปปส.” ภายใน 72 ชั่วโมงเลยทีเดียว 

 

"ถ้าขืนยังปิดสถานที่ราชการจากนี้ต่อไปภายใน 72 ชั่วโมง ผมจะส่งหน่วยจู่โจมซึ่งจะตั้งขึ้นวันที่ 27 มกราคม ไปจับกุมให้หมด จะไม่ปล่อยให้ละเมิดสิทธิบุคคลอื่น ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง คุณจะชุมนุม คุณจะด่าว่ารัฐบาลคุณทำไป คุณอย่าไปปิดกระทรวง ทบวง กรม นี่ไม่ได้ขู่ แต่เตือนล่วงหน้า ภายใน 72 ชั่วโมง ถ้าไม่ถอนตัวและยังดื้อและลองดี ผมจะใช้อำนาจผอ.ศรส. ทำการจับกุมความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และความผิดกฎหมายอาญา ต้องเด็ดขาดและเฉียบขาด เพราะการปิดสถานที่ราชการผมยอมไม่ได้”  "ร.ต.อ.เฉลิม" เคยประกาศกร้าว ก่อนขึ้นนั่ง ผอ.ศอ.รส.

 

และทันทีที่ขยับขึ้นนั่ง ผอ.ศอ.รส. ซึ่งดูโอ่อ่ากว่า ผอ.ศรส. "เฉลิม" ก็ยิ่งออกแอ๊คชั่นหนักขึ้นกว่าเดิม นั่นคือ เรียกแกมบังคับปลัดกระทรวงทุกแห่งเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหาร ศอ.รส. เพื่อหารือแนวทางรับมือกับม็อบ กปปส. ในทันที

และหลังจากนั้นไม่นาน ศอ.รศ. ได้ออกแถลงการณ์ ต่อกรณีนี้โดยอ้างว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้มีความแตกแยกรุนแรงมาก พร้อมขอความร่วมมือปลัดกระทรวงในหลายเรื่อง โดยเฉพาะการเน้นย้ำว่า อย่าไปให้ความร่วมมือกับกลุ่ม กปปส. ซึ่งเป็นพวกที่ไม่หวังดี ทำผิดกฎหมายหลายเรื่อง

 

"ศอ.รส. ระบุชัดเจนว่า ถ้าใครไปให้ร่วมมือด้วยก็อาจจะมีความผิดตามไปด้วย” แถลงการ์ ศอ.รส. ระบุ

 

ต่อมาจากนั้นไม่กี่วัน คือวันที่ 20 มีนาคม 2557 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี DSI (ซึ่งย้ายข้างในทันทีเมื่อเพื่อไทยขึ้นมาครองอำนาจ) ในฐานะเลขาธิการ ศอ.รส. ได้รับบทหัวหมู่ทะลวงฟันสู้กับม็อบ กปปส. ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงด้วยตัวเองว่า จะเร่งดำเนินคดีกับแกนนำ กปปส.ทั้ง 58 คน ที่ถูกดำเนินคดีในฐานร่วมกันเป็น "กบฏ" และอยู่ในบัญชีรายชื่อทั้ง 3 ชุด ไม่เดินทางมาตามหมายเรียกที่ออกเป็นครั้งที่ 3 ภายในระยะเวลาที่กำหนด


นายธาริต ยังย้ำในวันนั้นด้วยว่า ทาง DSI จะสรุปสำนวนคดีของแกนนำทั้ง 58 คน เสนอพนักงานอัยการภายใน 30 วัน หลังจากนี้ และหากพนักงานอัยการ มีคำสั่งฟ้อง ก็จะดำเนินคดีขออนุญาตศาลออกหมายจับต่อไป พร้อมเสนอไปยังแกนนำ กปปส. ว่าควรเข้ารับทราบข้อกล่าวหาและต่อสู้คดี ก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2557.... อธิบดี DSI ผู้ย้ายข้างแถลงขึงขังในวันนั้น


ว่ากันว่า...เหตุที่ธาริตยังอยู่รอดปลอดภัยหลังเพื่อไทยขึ้นมาครองอำนาจ ทั้งที่ถูกระบอบทักษิณหมายหัวอย่างหนักนั้น เป็นเพราะเขาเลือกที่จะ "เปลี่ยนสี" และรับบทหัวหมู่ทะลวงฟันตามคำสังของ ผอ.ศอ.รส. สู้กับม็อบ กปปส. ตามที่เพื่อไทยต้องการ...จึงเอาตัวรอดมาได้


ต่อมาอีกแค่ 1 เดือน คือช่วงเดือน เมษายน "ศอ.รส." ได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่ 2 ตามมาในทันที เรื่องการดำเนินคดีกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. ศอ.รส. ถึงกับเตือนแกมขู่ประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเข้าร่วมชุมนุมกับ กปปส. โดย ศอ.รส. อ้างว่า ได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินคดีแกนนำผู้จัดการชุมนุม ซึ่งมีการกระทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่องตลอดมา โดยเฉพาะนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำ กปปส. ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นคดีพิเศษ ในข้อหาฐานความผิดร่วมกันเป็นกบฏ ร่วมกันก่อเหตุความไม่สงบในบ้านเมือง ร่วมกันยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย ร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้ง ร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการ และในฐานความผิดอื่นๆ ซึ่งขณะนี้การสอบสวนในคดีพิเศษดังกล่าวได้เสร็จสิ้นแล้ว คณะพนักงานสอบสวน ซึ่งประกอบด้วยพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และพนักงานอัยการของสำนักงานอัยการสูงสุด จึงได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทุกคน รวมทั้งหมด 80 คน โดยกำหนดส่งสำนวนการสอบสวนพร้อมความเห็นดังกล่าวไปยังพนักงานอัยการในวันที่ 1 พ.ค. 2557 คาดว่าพนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษจะได้มีคำสั่งทางคดีและฟ้องผู้กระทำผิดได้ภายในวันที่ 10 พ.ค. 2557
  

ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ. ศอ.รส. ออกมาเปิดเผยด้วยตนเองกรณีนี้ในตอนนั้นว่า ตนเตรียมจะใช้มาตรการดาวล้อมเดือน นำหมายจับเข้าจับกุมแกนนำ กปปส. ในข้อหากบฏให้ได้...ทั้งที่กระบวนการยุติธรรมยังอยู่แค่ขั้นตอนของการ "ควรสั่งฟ้อง" เท่านั้น


คำกล่าวของ  ร.ต.อ.เฉลิม ในวันนั้น ทำให้ผู้สันทัดทางการเมืองฟันธงไปในทางเดียวกันว่า...เรื่องนี้หวังผลทางการเมือง 100 % เพราะฝ่ายรัฐฯ ข่มขู่คุกคาม-กดดันม็อบที่กำลังรุกไล่รัฐบาลผ่านกลไกรัฐฯ แบบข้ามขั้นตอนกฎหมายทุกขั้นตอน

อย่างไรก็ตาม ล่วงเข้าสู่วันนี้ (24 ม.ค. 61) วันที่แกนนำ กปปส. เดินทางมารายงานตัวกับอัยการสำนักงานคดีพิเศษ เพื่อฟังคำสั่งคดีว่าจะฟ้องข้อหาคดีกบฏหรือไม่นั้น ดูทุกคนจะไม่สะทกสะท้านสักเท่าไหร่...เพราะยืนยันว่า...ม็อบ กปปส. เป็นม็อบที่บริสุทธิ์ใจ...ขับไล่รัฐบาลทรราชย์

โดยเฉพาะ "กำนันสุเทพ" นั้นถึงกับให้สัมภาษณ์ในวันนี้ว่า "พวกเราอยู่กันครบไม่หนีไปไหน และพร้อมสู้คดี เรารู้อยู่แล้วว่าอัยการคงสั่งฟ้องแน่นอน จึงเตรียมตัวมาแล้ว อัยการคงสั่งฟ้องแน่นอน"


...นั่นคือคำพูดของแกนนำ กปปส. ต่อคดีนี้ และจะว่าไปแล้ว...ก็ต่างจากกลุ่มการเมืองอีกฝ่ายที่มักออกมาโวยวายทุกครั้งที่ฝ่ายตนโดนคดี

 

อ่าน รู้อยู่แล้วอัยการต้องฟ้อง.. "ลุงกำนัน" ลั่นกปปส.อยู่กันครบไม่หนีคดีกบฎ ลั่นเตรียมตัวสู้คดีมาแล้ว