สงบศึก... SCB เดินหน้าลดคนตามแผน

สหภาพฯและผู้บริหาร เจรจาต้าอ่วยเรียบร้อย

สืบเนื่องจากกรณี สหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ได้ออกแถลงการณ์เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมเมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา โดย ไวทิต ศิริสุวรรณ ประธานสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ ได้เชิญชวนให้พนักงานและสมาชิกของสหภาพรวมตัวชุมนุมบริเวณลานน้ำพุธนาคารไทยพาณิชย์ สำนักงานใหญ่รัชโยธิน ตั้งแต่เวลา 12.00-12.45 น. เพื่อเรียกร้อง กรณีเงินโบนัสและการปรับขึ้นเงินเดือนไม่เป็นธรรม รวมทั้งความกังวลที่ธนาคารประกาศลดขนาดองค์กร โดยแจ้งว่าจะรวมตัวกันทุกวันจนกว่าจะได้รับการแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ สหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ได้ยื่นหนังสือต่อ อาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ เพื่อร้องเรียนพิจารณาการปรับขึ้นเงินเดือนไม่เป็นธรรมและให้ธนาคารแก้ไข พร้อมคืนความเป็นธรรมให้กับสมาชิกและพนักงาน หลังจากสหภาพแรงงานได้รับเรื่องร้องเรียนว่าได้รับเงินโบนัสการปรับขึ้นเงินเดือนไม่เป็นไปตามที่เคยชี้แจงไว้
 

ไวทิต เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัวระบุว่า สหภาพแรงงานฯย้ำชัดในเจตจำนงและเจตนารมณ์ของสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ว่า จะรวมตัวกันทุกวันตั้งแต่เวลา 12.00-12.45 น. หากยังไม่ได้รับการแก้ไข เช่น ทบทวนการพิจารณาการปรับขึ้นเงินเดือน ปรับโครงสร้างเงินเดือนใหม่ ขอให้มีโครงการสมัครใจลาออก โดยเฉพาะกรณียุบควบรวมหน่วยงาน ห้ามบังคับหรือกลั่นแกล้งให้พนักงานมีผลกระทบในทุกกรณี ทั้งเรื่องการย้ายไปปฏิบัติตามที่นายจ้างสั่งหากพนักงานไม่ยินยอมและได้รับผลกระทบ
อย่างไรก็ตามวันนี้ 29/1/61 ผู้สื่ข่าวรายงานว่า ไวทิต ศิริสุวรรณ ประธานสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ และสมาชิก ได้เข้าพบอาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB  พร้อมทีมบริหาร ธนาคารและฝ่ายบุคคล เพื่อประชุมหาข้อยุติจากข้อเรียกร้องของสหภาพฯร่วมกัน
ซึ่งปรากฎว่า ผลการประชุมจบลงด้วยดี
เพราะหลังจากการประชุมร่วมกันจบ ประธานสหภาพแบงก์ ให้สัมภาษณ์ว่า ผลการหารือร่วมกับ CEO ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยธนาคารรับข้อเสนอในการพิจารณาการประเมินผลงานสำหรับพนักงานที่ได้รับการประเมินผลต่ำ หากมีการประเมินที่ไม่เป็นธรรมก็จะเข้าไปตรวจสอบ ส่วนเรื่องการปรับโครงสร้างองค์กรที่มีการลดพนักงาน ธนาคารยืนยันไม่มีการปรับลดหรือเลิกจ้างพนักงานแต่อย่างใด แต่จะปรับให้ไปทำงานในส่วนอื่นแทน โดยมีการฝึกอบรมก่อน ส่วนตัวเลขคนแบงก์ที่ลดลงก็จะมาจากการลาออกด้วยสมัครใจเอง ซึ่งตามตัวเลขที่ผ่านมาก็จะเป็นไปตามที่ปรากฎ ส่วนที่เหลือก็จะมาจากการเกษียณอายุงานของพนักงานที่มีเกิดขึ้นทุกปี ๆ ปีละ 2,000-3,000 คน  ซึ่งสหภาพขอให้ดูแลและให้มีเวลาในการปรับตัวและเรียนรู้เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับพนักงาน ทั้งนี้จะไม่มีการชุมนุมต่ออีก

สำหรับเนื้อหาที่สหภาพเรียกร้อง ได้แก่ เพื่อนสมาชิกสหภาพฯ และเพื่อนพนักงานทุกท่าน Variable Bonus โบนัสพิเศษ หายไปจากที่ควรจะได้ กระบอกเงินเดือนไม่ปรับ สัญญาไม่เป็นจริง วิกฤตซ้ำสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น เล็งบีบพนักงานให้เปลี่ยน หากไม่ เชิญลาออก เพราะลาออกปีละ 3,000 คน 3 ปี จะลดได้ 15,000 คนได้ยังไง ถึงเวลาหรือยัง กับการแสดงพลัง และทวงถามความเป็นธรรม จากผู้บริหารธนาคาร ที่รับปากผ่านตัวแทนพนักงานตั้งแต่ต้นปี 60 ทั้งเรื่องสร้างความสุขให้พนักงาน ปรับกระบอกเงินเดือนตามโครงสร้างใหม่ และอีกหลายเรื่องที่สหภาพฯ ได้นำเสนอ พอกันเสียทีกับคำแก้ตัวแบบเดิมๆ ดังนั้นต่อจากนี้พวกเราต้องออกมาทวงถามความชอบธรรมเพื่อสมาชิก และพนักงานทุกคน เริ่ม 26 มกราคม 2561 ตั้งแต่เวลา 12.00-12.45 รัชโยธิน ทุกวันจนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหา
ขณะเดียวกัน สหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ ยังได้ทำหนังสือร้องเรียนถึง  อาทิตย์ นันทวิทยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งในเนื้อหาของหนังสือฉบับดังกล่าวเป็นการทวงถามการพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือน ตลอดจนการพิจารณาผลตอบแทน โบนัสพิเศษ และเรื่องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กร ที่ทางสหภาพฯมองว่า ธนาคารได้ละเลยมิได้ปฏิบัติ หรือจริงใจในการแก้ไข ทำให้พนักงานถูกละเมิดและไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปรับขึ้นเงินเดือน การเลื่อนชั้นเลื่อนตำแหน่ง และทำให้กระบอกเงินเดือนตัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลัง อาทิตย์ ออกมาเปิดเผยว่าใน 3 ปีนี้ หรือระหว่างปี 61-63 ธนาคารเตรียมปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ทั้งแผนธุรกิจและบุคลากรโดยจะปรับเปลี่ยนจากสาขาเดิมที่มีอยู่กว่า 1,100 สาขา ไปเป็นศูนย์ธุรกิจ หรือบีซีเนส เซ็นเตอร์ ให้กับผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี ซึ่งจะทำให้เหลือสาขา 400 แห่งทั่วประเทศ ด้านบุคลากรธนาคารจะไม่รับพนักงานใหม่เพิ่มขึ้นมากนัก และพนักงานเดิมของธนาคารจะทยอยลดลงเพราะที่ผ่านมาพนักงานลดลง 3,000 คนต่อปีอยู่แล้ว รวมทั้งจะปรับให้พนักงานไปทำงานร่วมกับศูนย์ธุรกิจจากปัจจุบันมี 27,000 คน คาดว่าจะเหลือ 15,000 คน