เงิบไปครึ่งโลก!!! ผลการทดสอบระบบต่อต้านขีปนาวุธ “เอจิส อะชอร์” สหรัฐฯ เตรียมขายให้ญี่ปุ่น “ล้มเหลว”

รายงานข่าว ดังกล่าวได้อ้าง ที่ได้ปฏิบัติการในการทดสอบระบบต่อต้านขีปนาวุธเอจิส อะชอร์ ที่ได้ดำเนินการที่ฮาวาย ขีปนาวุธเอสเอ็ม-3 บล็อก ไอเอเอ ที่ปล่อยออกจากสถานที่ทดสอบระบบเอจิส อะชอร์ในรัฐฮาวาย ไม่สามารถยิงสกัดขีปนาวุธอีกลูกที่ปล่อยจากเครื่องบินได้

 

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าว เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 กรณีทางด้าน ผลการทดสอบระบบต่อต้านขีปนาวุธ เอจิส อะชอร์ ที่ทางญี่ปุ่น สั่งซื้อจากสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการสกัดขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ

 

 

 

รายงานข่าว ดังกล่าวได้อ้าง ที่ได้ปฏิบัติการในการทดสอบระบบต่อต้านขีปนาวุธเอจิส อะชอร์ ที่ได้ดำเนินการที่ฮาวาย ขีปนาวุธเอสเอ็ม-3 บล็อก ไอเอเอที่ปล่อยออกจากสถานที่ทดสอบระบบเอจิส อะชอร์ในรัฐฮาวาย ไม่สามารถยิงสกัดขีปนาวุธอีกลูกที่ปล่อยจากเครื่องบินได้ จึงทำให้ทางสหรัฐฯ จำเป็นที่จะต้องเปิดการสอบสวนเรื่องดังกล่าวเพื่อหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไร สำหรับระบบดังกล่าวเป็นการพัฒนาของบริษัทเรย์ธีออน ใช้สำหรับโจมตีขีปนาวุธพิสัยกลาง และเป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างทางด้านสหรัฐฯกับญี่ปุ่น

 

 

ขณะที่ทางด้านมาร์ก ไรต์ โฆษกสำนักงานต่อต้านขีปนาวุธของสหรัฐฯ ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่าทางด้านสำนักงานต่อต้านขีปนาวุธสหรัฐฯ ได้ร่วมกับกองทัพเรือ ทดสอบระบบเอจิส อะชอร์ มิสไซล์ ดีเฟนซ์ เทสต์ คอมเพล็กซ์ หรือเอเอเอ็มดีทีซี  ด้วยอาวุธจริงโดยใช้ขีปนาวุธมาตรฐาน นั่นก็คือ เอสเอ็ม-3 บล็อก ไอไอเอ ที่ยิงจากแปซิฟิก มิสไซล์ เรนจ์ ฟาซิลิตี้ ใน คาวายอิ ฮาวาย ช่วงเช้าวันพุธ ที่ 31 มกราคม 2561 ที่ผ่านมา

 

 

แต่ทว่าการทดสอบประสบกับความล้มเหลว เนื่องจากปรากฎว่าระบบเอจิส อะชอร์ในรัฐฮาวาย ไม่สามารถยิงสกัดขีปนาวุธอีกลูกที่ปล่อยจากเครื่องบินได้ ซึ่งการทดสอบก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายนปีที่แล้วก็ล้มเหลวเช่นเดียวกัน แต่การทดสอบก่อนหน้านั้นเมื่อต้นปี 2017 ประสบความสำเร็จ

 

จากข้อมูลของสำนักงานต่อต้านขีปนาวุธ สหรัฐฯ ได้ใช้งบประมาณราว 2,200 ล้านดอลลาร์พัฒนาระบบต่อต้านขีปนาวุธนี้ ขณะที่ญี่ปุ่นใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์

 

 

รัฐบาลสหรัฐฯ อนุมัติการขายระบบต่อต้านขีปนาวุธดังกล่าวให้กับทางด้านญี่ปุ่น โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องประเทศจากภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ซึ่งทางด้านกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังขอให้รัฐสภาอนุมัติการขายขีปนาวุธและฮาร์ดแวร์มูลค่า 133 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสามารถยิงจากเรือพิฆาตกลางทะเลหรือจากระบบต่อต้านขีปนาวุธภาคพื้นดินให้แก่ญี่ปุ่นอีกด้วย