ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่ www.tnews.co.th

**ประวัติ อาจารย์เปล่ง บุญยืน**

อาจารย์เปล่ง บุญยืน เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๐ ที่บ้านท่าตูมจ.สุรินทร์ เมื่ออายุครบบวชได้เข้าบวชในพระพุทธศาสนา ปฏิบัติศาสนกิจตามสมควรแล้วจึงติดตามพระอาจารย์ภาออกธุดงค์ไปทั่วป่าลึกทั้งในทั่วแดนลาว เขมรยาวนาน ถึง ๙ปีเต็มก่อนลาสิกขาหวนคืนสู่เพศฆราวาสในปี พ.ศ. ๒๔๙๒ หลังจากนั้นอีก ๖ เดือนต่อมาท่านก็สอบบรรจุเป็นครูเริ่มชีวิตข้าราชการแต่นั้นมาจนเกษียณ

อายุราชการในตำแหน่งผู้บริหารโรงเรียนมัธยม ในระหว่างที่ท่านบวชได้ธุดงค์ติดตามพระอาจารย์ภานั้นท่านได้ศึกษาวิชาอาคมจากพระอาจารย์ภาจนหมดสิ้นทั้งคงกระพันและเมตตา ว่านยาต่างๆ วิชาที่สำคัญอีกอย่างคือ วิชาทางพราย ซึ่งน้อยคนนักที่จะเรียนสำเร็จ ผู้เขียนขออธิบายให้ท่านผู้อ่านได้ทราบสักนิดว่า วิชาทางพรายของท่านอาจารย์เปล่งนั้นท่านทำเพื่อสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์และเป็นการสร้าง

กุศล แก่ตัวพรายเอง ท่านอาจารย์เปล่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางไสยเวทท่านได้สยบวิญญาณก่อนและทำให้เขาได้อยู่ดีมีความสุข แล้วจึงนำกระดูกมาบดผสมทำพระเพื่อให้มีผลทางด้านเมตตา มหานิยม ท่านอาจารย์เปล่งท่าน สร้างด้วยเมตตาธรรม จึงปลอดภัย ไม่เข้าตัว บางเรื่องทางคุณพระท่านสงเคราะห์ไม่ได้ติดพระด้วยพระธรรมวินัยบังคับ ส่วนทางพรายนั้นเป็นไสยศาสตร์โดยตรงจึงไม่ขัด แต่ก็ไม่ใช่ไป

สะกดใคร ไม่เหมือนถูกของขอให้เข้าใจตามนี้ ท่านอาจารย์เปล่งได้ใช้วิชาอาคมต่างๆ ที่เล่าเรียนมาสงเคราะห์ผู้ที่ตกทุกข์ได้ยากมากมายอาทิ สมัยที่ท่านยังรับราชการอยู่มีเด็กนักเรียนคนหนึ่งถูกงูกัด จะไปโรงพยาบาลแต่ก็ไม่ทัน พ่อแม่จึงพามาหาท่านให้ช่วยรักษา ท่านก็เมตตาเสกเป่าพ่นให้เป็นที่อัศจรรย์เด็กหายจากพิษร้ายรอดตาย หลังจากนั้นมากิติศัพท์ของท่านก็แพร่ออกไปชนิดที่เรียกว่าไม่ว่างูชนิดไหนจะมีพิษมากน้อยเท่าไรถ้าสามารถมาถึงมือของท่านได้รับรองว่ารอดทุกราย ส่วนทางด้านเมตตาก็มีปรากฏอยู่เนืองๆ ครั้งหนึ่งมีเพื่อนครู ( ขอสงวนนาม )ไปหลงรักสาวแต่สาวเจ้ากับไม่เล่นด้วยเสียใจจนคิดฆ่าตัวตาย อาจารย์เปล่งเมื่อทราบเรื่องโดยตลอดแล้วจึงขอคำมั่นสัญญาจากเพื่อนครูและรับปากที่จะช่วยเหลือจากนั้นท่านก็เสกสิ่งของให้ไป เพื่อนครูของท่านก็สมหวังในระยะเวลาต่อมา ความรู้ความสามารถของท่านไม่แสดงออกมากนักติดที่เพื่อนเป็นครู กลัวจะเป็นที่ครหานินทาว่า งมงายไร้สาระจนกระทั่งท่านเกษียณอายุ ท่านอาจารย์เปล่งจึงสร้างพระเครื่องและเครื่องรางของขลังอย่างจริงจังจนเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางพระเครื่องที่ท่านอาจารย์เปล่งสร้างครั้งแรก เป็นพิมพ์พระขุนแผน ผู้ที่ได้รับแจกไป

จากท่านต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าเป็นสุดยอดทางเมตตาจริงๆ ผู้เขียนเคยเรียนถามท่านถึงกรรมวิธีการสร้างและเสกอย่างไรจึงมีความขลังความศักดิ์สิทธิ์ถึงขนาดนี้ ท่านอาจารย์เปล่งได้กรุณาชี้แจงให้ทราบโดยไม่ปิดบังดังนี้ว่า

ดังจริงๆ..เสกกุมารทองจนลุกขึ้นตั้งได้ "อาจารย์เปล่ง บุญยืน"ฆราวาสจอมขมังเวทมหาเสน่ห์ สำเร็จวิชาทาง "พราย"เมตตามหานิยม  พระเกจิดังยังนับถือ..

อ.เปล่ง

มวลสารที่ท่านใช้ส่วนใหญ่จะเป็นว่านทั้ง ๑๐๘ ชนิดและยังมีพวกพญาว่านที่สำคัญๆ อีก มาก อาทิ พญากาหลง พญางิ้วดำ พญาเครือหลง พญาสาลิกา พญาตะเคียนหิน พญาแกแล ผงพรายกุมารีแฝด ผงจินดามณี กาฝาก ๑๐๘ สีผึ้งมหาเสน่ห์พระอาจารย์ภา มวลสารต่างๆ ที่กล่าวมาได้รับการปลุกเสกจากพระอาจารย์ภาผู้เป็นปรมาจารย์ของท่านก่อนแล้วจึงกำหนดฤกษ์ยามในการกดพิมพ์หมดฤกษ์ก็หยุด ในครั้งแรกนั้นท่านสร้างไว้ในจำนวนไม่มากนักแต่ไม่เกิน ๑๐๐องค์เมื่อการสร้างเสร็จสิ้นก็เข้าสู่ขั้นตอนการปลุกเสก ท่านใช้เวลาการปลุกเสกนานกว่า ๓เดือน จนกระทั่งพระขุนแผนทุกองค์เคลื่อนไหวพลิกไปพลิกมา จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่พระขุนแผนรุ่นแรกถูกขนานนามว่า  พระขุนแผนมหาเสน่ห์  เพราะพุทธคุณด้านเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยม มหาละรวยแรงมากเป็นพิเศษ จนเป็นที่แสวงหาของศิษย์ และเมื่อพระขุนแผนรุ่นแรกหมดไปลูกศิษย์หลายคนหลายคณะที่ไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของจึงขอร้องให้ท่านสร้างขึ้นอีก ซึ่งท่านเมตตาก็สร้างให้ตามประสงค์จนถึงปัจจุบันมีมากถึง ๖ รุ่น แล้วเรียงตามลำดับดังนี้

๑. พระขุนแผนมหาเสน่ห์

๒. พระขุนแผนชมตลาด

๓. พระขุนแผนสยบมาร

๔. พระขุนแผนสะกดทัพ

๕. พระขุนแผนพราย ๕๙ ตน

๖. พระขุนแผนจอมสุรินทร์

ด้วยวิชาอาคมต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมา จากครูบาอาจารย์ทั้งในป่า และพลังจิตของท่าน ที่ท่านนั่งทำสมาธิตลอดเป็นประจำ ท่านได้นามาช่วยเหลือชาวบ้านที่เป็นทุกข์ จากเมียทิ้งบ้าง ผัวทิ้งบ้างโดนของบ้าง ผีเข้าบ้างท่านต้องทำหน้าที่หมอไสยศาสตร์ประจำหมู่บ้าน ทำของ สร้างของเสกของ ช่วยเหลือชาวบ้านมาโดยตลอดตั้งแต่ตามผัว ตามเมีย แก้ของ แก้เสน่ห์ กันของ ไล่ผี ฯลฯ จนมีชื่อเสียงร่ำลือในหมู่ชาวบ้านกระจายไปทั่ว...

บางคราวจะมีวัดโดยพระเณรบ้าง กรรมการวัดบ้างมาขอปัจจัยจากท่าน หรือวัตถุมงคลของท่าน เพื่อไปสร้างถาวรวัตถุต่างๆ (เป็นโบสถ์บ้าง,เป็นศาลาบ้างฯลฯ)ท่านก็ให้ไปหรือไม่ก็จะสร้างวัตถุมงคลให้ไปจำหน่ายให้เช่าบูชา และบางคราววัดต่างๆหรือลูกศิษย์ก็หอบพระของอาจารย์ตนเองมาให้ท่านเสกซ้ำอีกทีหนึ่ง (ท่านเป็นฆราวาสที่เหมือนเกจิอาจารย์ดังๆ)ที่เห็นอยู่ในบ้านของท่าน จะมีกองวัตถุมงคลเต็มไปหมด เหมือนเกจิอาจารย์ดีๆนี่เองที่กุฏิรกไปหมดและหาของไม่ค่อยเจอ แต่ก็พอจะแบ่งวัตถุมงคล ออกเป็นส่วนๆ คือส่วนที่ยังไม่เสก,ส่วนที่เสกอยู่แต่ยังไม่เสร็จ และส่วนที่เสกเสร็จแล้วจะเอาไว้ข้างในห้องอีกที วัตถุมงคลต่างๆเช่น อิ่นหรืออิ้น กุมารทอง นางกวัก เหรียญ นกสาริกาฯลฯ สารพัด เป็นของเกจิต่างในเขตอีสาน-อีสานใต้ อาทิเช่น หลวงปู่เจียม วัดหนองยาว,หลวงปู่ธรรมรังษี วัดพระพุทธบาทเขาพนมดิน

(กล่าวยกย่องอาจารย์เปล่งโดยเรียกคำแทนว่าอาจารย์ผู้เฒ่าทุกคำ),หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทาน,หลวงปู่ชื่น วัดตาอีหลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี, หลวงปู่คีย์ วัดศรีลำยอง

หลวงพ่อชู วัดหินเหล็กไฟ แม้กระทั่ง หลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่ โคราช จนถึงครูบาเสือ

สมิงน้อย วัดดาวคะนอง กรุงเทพฯ(เป็นเกลอกับท่าน)ซึ่งถ้าจะเสกวัตถุมงคลด้านมหาเสน่ห์ต้องเสกจนของเคลื่อน ซึ่งพระเกจิอาจารย์ทำไม่ได้ ผิดศีลข้อร้ายแรง ซึ่งคาถาที่เสกแล้วจนของเคลื่อนถ้าพระที่ไม่รู้แล้วไปเสก ทำได้ไม่ผิดศีลได้แค่ครั้งเดียว แต่พอรู้แล้วครั้งต่อไปเสกไม่ได้แล้ว อย่างหลวงปู่ฤทธิ์ท่านเสกบทนี้ พอใกล้จะจบก็ต้องถอนครับ ได้แค่ประมาณ๙๐เปอร์เซนต์เท่านั้นครับ จึงต้องให้ฆราวาสอย่างท่านช่วยเสกต่อครับ เมื่อเสกเสร็จ ก็จะให้เจ้าของมารับของกลับไปเจ้าของวัตถุมงคล ก็จะยกให้ท่านอาจารย์เปล่งบางส่วนเป็นการตอบแทน (ที่ทราบก็เพราะเห็นวัตถุมงคลหลวงพ่อต่างๆที่เอ่ยนามมา ในบ้านของท่านอาจารย์เปล่งครับ)

ดังจริงๆ..เสกกุมารทองจนลุกขึ้นตั้งได้ "อาจารย์เปล่ง บุญยืน"ฆราวาสจอมขมังเวทมหาเสน่ห์ สำเร็จวิชาทาง "พราย"เมตตามหานิยม  พระเกจิดังยังนับถือ..

ดังจริงๆ..เสกกุมารทองจนลุกขึ้นตั้งได้ "อาจารย์เปล่ง บุญยืน"ฆราวาสจอมขมังเวทมหาเสน่ห์ สำเร็จวิชาทาง "พราย"เมตตามหานิยม  พระเกจิดังยังนับถือ..

การปลุกเสกวัตถุมงคลของท่าน ท่านจะเสกจนครบเครื่องทุกอย่างครับ และเสกให้เฉพาะตามรูปลักษณ์ต่างๆของวัตถุมงคลนั้นๆ อาทิเช่น...

การปลุกเสกกุมารทอง ที่ทำขึ้นจากผงพราย หรือจะต้องมีส่วนประกอบของผงพราย

ท่านจะเสกแบบอัดพลังเข้าไป จนกุมารพวกนี้เฮี้ยนและแรง เวลาเสก ท่านจะเสก

จนตัวกุมารลุกขึ้นตั้งได้ ท่านจะหยิบออกจากกลุ่ม (เสกครั้งละประมาณไม่เกิน๑๐

ตัว) และเสกไปทุกวันจนลุกขึ้นตั้งหมด...

ท่านจะเสกในที่เงียบสงัดคือ เวลาหลังเที่ยงคืนจนถึงเช้า และตอนเสก ท่านจะอัญเชิญเทพต่างๆ ที่หิ้งบูชาใหญ่ของท่านมีพระอิศวรหรือพ่อใหญ่ พระพิฆเณศหรือครูใหญ่ เป็นต้น และครูบาอาจารย์ทั้งหลายทั้งครูพระและครูฆราวาส เวลาเสกจะมีเสียงเด็กวิ่งวนอยู่รอบบ้านเป็นจำนวนมาก มาเคาะแท๊งก์น้ำบ้าง ทำเสียงดังบ้าง โดยที่บ้านของท่านไม่มีรั้วและไม่เคยปิดประตูหน้าบ้าน ของในบ้านก็ไม่เคยหาย สุนัขหรือวัวควายของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้เดินผ่านหน้าบ้านของท่านก็ไม่เคยเข้าไปในบ้านท่าน ของที่ท่านทำจะเสกอยู่ประมาณเป็นเดือน คืออัดพลังเข้าไปจนเต็มจนท่านพอใจ แบบที่เรียกว่าเสกจนเป็นตัว วัตถุมงคลบางอย่างเสกเป็นปี คือเก็บจนลืมแล้วก็เสกจนลืมด้วย...

หลวงพ่อและหลวงปู่ที่ท่านยอมรับและนับถือว่าเก่งๆนั้นก็มี อาจารย์ธรรมรังษี วัดพระพุทธบาทเขาพนมดิน อาจารย์หงษ์ วัดเพชรบุรี สุรินทร์ อาจารย์พรหมมา วัดสวนหินผานางคอย อุบลฯ อาจารย์ไสววัดปรีดารามนครปฐมฯลฯ ตอนที่อาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ อยากจะทดสอบว่า พระอาจารย์ไสววัดปรีดาราม เก่งจริงหรือไม่ ได้พาอาจารย์เปล่งไปหาหลวงพ่อไสวที่วัด ที่กุฏิหลวงพ่อไสว กำลังลงนะหน้าทองให้ลูกศิษย์อยู่ อาจารย์เปล่งก็เข้าไปคนเดียว นั่งที่มุมกุฏิ พอหลวงพ่อไสวยกมือขึ้นกำลังจะตบทองเข้าหน้าผากลูกศิษย์นั้น ก็หันไปมองชาวบ้านคนหนึ่งที่มุมกุฏิจ้องตากันสักพักนึง จากนั้นอาจารย์เปล่งก็ลุกออกมาจากกุฏิ หลวงพ่อไสวก็ตบทองต่อไป

เหมือนท่านรู้ว่าชาวบ้านนั่งมุมนั้น มาลองของอุดวิชาของท่านอยู่ ส่วนอาจารย์ชินพร ก็เข้ามาถามอาจารย์เปล่ง เมื่อลงมาจากกุฏิว่า เป็นอย่างไร อาจารย์เปล่ง ตอบว่า พระองค์นี้เก่งแค่ไหนฉันไม่รู้ แต่ไม่แพ้ฉัน แปลว่า อาจจะเสมอหรือเก่งกว่า...

อาจารย์ชินพร สุขสถิตย์ ก็เป็นอีกท่านหนึ่งที่เสาะหา เกจิอาจารย์เก่ง ๆ เพื่อสร้างวัตถุมงคลต่อจากหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ,หลวงปู่แก้ว เกสาโร ฯลฯ จนมาถึง อาจารย์เปล่ง บุญยืน

อาจารย์ชินพร ก็ได้สร้างพระให้อยู่๑รุ่นคือ รุ่นที่โด่งดัง และมีการโฆษณาในหนังสือพระเครื่องหลายเล่ม เช่น นะโม และพระเกจิ ก็นำประวัติของอาจารย์เปล่งมาลง นั้นก็คือ ขุนแผนรุ่นพราย ๕๙ ตน ช่วงเดียวกันก็ได้สร้างพระให้หลวงปู่ธรรมรังษีหลายๆรุ่นครับ และก็มีการปลุกเสกร่วมกันอยู่ครับพระหรือวัตถุมงคลที่ท่านสร้างนั้นมวลสารหลักๆคือว่านยาและผงพราย พระของท่านนั้น อ.เปล่งบอกว่าถ้าใครโดนของมา พวกพรายมันจะดึงของออกให้และกันของได้ด้วย อีกทั้งเป็นมหาเสน่ห์อย่างแรงถ้าใช้เป็น ท่านบอกว่าใช้พระท่านนั้นคุ้มตัวได้แน่นอน และให้ติดตัวตลอด

เวลา เคยมีบางคนโดนอุบัติเหตุแต่กลับไม่เป็นอะไรเลยก็มีเยอะ ถ้าเป็นทหาร ตำรวจไปขอพระท่าน ท่านจะให้ฟรีๆ ถ้านับถือในตัวท่าน ขับรถผ่านไปแถวอำเภอท่าตูม ขับรถเร็วแล้วโดนตำรวจเรียกจับ พอบอกว่ามาหาอาจารย์เปล่ง เป็นลูกศิษย์ท่าน ตำรวจก็ยอมผ่อนปรนให้ ไม่จับปรับครับ สำหรับประสบการณ์นั้นเรื่องผู้หญิงเยอะจริงๆ เล่ากันเฮฮา ๓วัน ๓ คืนไม่มีจบครับ เพราะประสบการณ์ มีมาอยู่เรื่อยๆตลอดครับ

ครั้งหนึ่งที่ท่านปลัดพิศาล มูลศาสตร์สาธร สร้างพระรุ่นกริ่งลำน้ำมูล ได้นิมนต์เกจิอาจารย์มาทำพิธีพุทธาภิเษกที่แพกลางแม่น้ำมูล มีหลวงปู่ธรรมรังษีเป็นประธาน และเกจิอาจารย์อีก ๔ องค์นั่งปลุกเสกล้อมวงกันอยู่ท่านเป็นฆราวาสท่านเดียวที่ร่วมเสก โดยนั่งอยู่ข้างๆวงเกจิอาจารย์ มีหลวงปู่เจียม วัดหนองยาวหลวงปู่หงษ์วัดเพชรบุรี หลวงปู่ฤทธิ์ วัดชลประทานรังสฤษฏิ์ และหลวงปู่คำพันธ์ วัดธาตุมหาชัยขณะที่พระเกจิอาจารย์และท่านได้บริกรรมอยู่บนแพนั้น ได้มีปลาจำนวนมากกระโดดขึ้นบนแพตุบตับๆ (น่าจะเป็นมหามนต์จินดามณีเรียกเนื้อ เรียกปลา) ชาวบ้านที่ไปร่วมพิธีและท่านปลัดพิศาลก็เห็นกันหมด จึงเป็นที่เลืองลือมาจนทุกวันนี้

ดังจริงๆ..เสกกุมารทองจนลุกขึ้นตั้งได้ "อาจารย์เปล่ง บุญยืน"ฆราวาสจอมขมังเวทมหาเสน่ห์ สำเร็จวิชาทาง "พราย"เมตตามหานิยม  พระเกจิดังยังนับถือ..

ดังจริงๆ..เสกกุมารทองจนลุกขึ้นตั้งได้ "อาจารย์เปล่ง บุญยืน"ฆราวาสจอมขมังเวทมหาเสน่ห์ สำเร็จวิชาทาง "พราย"เมตตามหานิยม  พระเกจิดังยังนับถือ..

อ่านเพิ่มเติม...สี่ฆราวาสเรืองเวท..ยุคหลัง พ.ศ.๒๕๐๐ "อ.ชุม อ.เที่ยง อ.เจ็ก อ.บุญรอด"

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

http://www.pra-kunpan.com

เพื่อเผยแผ่กิตติคุณครูบาอาจารย์