ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่ www.tnews.co.th

หลวงพ่อโต ( หรือหลวงปู่โต ) วัดบ้านกล้วย นครราชสีมา

“หลวงปู่ถูกนักเลงลองดี”

คืนวันหนึ่งหลวงปู่กำลังลงเหล็กจารวัตถุมงคลอยู่นั้นได้มีนักเลงพวกหนึ่งเอาปืนลูกซองยาวมาจ่อยิงหลวงปู่ในระยะใกล้ เสียงปืนลูกซองระเบิดดังปัง พระที่นั่งอยู่กับหลวงปู่ต่างก็ตกตะลึงไปตามๆกันแต่ลูกปืนหาได้ถูกคนใดไม่ เพียงแต่ได้ยินเสียงเท่านั้น พอรุ่งเช้าวัตถุมงคลของหลวงปู่ไม่พอแจกเพราะมีผู้ศรัทธาจำนวนมาก เรื่องนี้มีผู้เห็นเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดคือ นายแก้ว ร่มพิมาย คนบ้านตะบอง ต.โบสถ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ซึ่งสมัยนั้นยังบวชเป็นพระอยู่และได้เดินทางไป จ.พิษณุโลกด้วย จึงนับว่าวัตถุมงคลของหลวงปู่โต ยโสธโร มีความแคล้วคลาดเป็นอย่างดี เป็นที่มั่นใจได้

อาจารย์ของหลวงปู่โต ยโสธโร คือใคร

หลวงปู่โต ยโสธโร เป็นลูกศิษย์เอกของ หลวงปู่หริ่ง สุวัณณโชติ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านตะบอง ต.โบสถ์ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา หลวงปู่โต ได้รับการถ่ายทอดวิชาคาถาอาคมและเลขยันต์จากหลวงปู่หริ่ง ในสมัยที่หลวงปู่หริ่ง ยังมีชีวิตอยู่ แต่ยังไม่ได้แสดงออกให้ผู้ใดรู้

อภินิหารตะกรุดโทน “อิทธิเจ”และเหรียญ

ขอนำเรื่องจริงมาเล่าสู่ฟังดังนี้ มีลูกศิษย์หลวงปู่คนหนึ่งชื่อ นายสมนึก รักไร่ เป็นคนบ้านพุทธา ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา นายสมนึกมีอาชีพขับรถไถรับจ้างทั่วไป ครั้งหนึ่งได้เดินทางไป อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ได้รับจ้างไถสวนให้ผู้ใหญ่บ้านอ่างหินชื่อผู้ใหญ่เฉื่อย พาจะโปะ ผู้ใหญ่บ้านคนนี้เป็นคนมีอิทธิพล จะเพราะเหตุใดไม่ทราบ พอตกค่ำลงประมาณทุ่มเศษ ได้มีผู้ร้ายสามคนแต่งตัวแบบทหารพรานขึ้นไปบนบ้านผู้ใหญ่เฉื่อย และถามหาตัวผู้ใหญ่ ฝ่ายผู้ใหญ่ไม่รู้ว่าเป็นผู้ร้าย ด้วยความซื่อจึงพูดว่า “ผมนี่แหละครับผู้ใหญ่เฉื่อย” ซึ่งขณะนั้นนายสมนึกก็อยู่ด้วยกันบนบ้านกับผู้ใหญ่ พอพวกผู้ร้ายรู้ตัวก็ยกปืนเอ็ม ๑๖ ขึ้นยิงใส่ผู้ใหญ่เฉื่อยทันที ถึงแก่ความตาย แล้วโจรก็เบนปลายปืนมาใส่นายสมนึก แล้วลั่นไกยิงนายสมนึกล้มลง ด้วยความกลัวตายขณะล้มลงนายสมนึกได้ยกมือไหว้ขอชีวิต แต่โจรใจดำอำมหิตกลับชักปืน .๓๘ ยิงซ้ำอีก เผอิญกระสุนไปถูกเหรียญรูปไข่(เหรียญรุ่นสอง)หลวงปู่โต ยโสธโร พอดีลูกปืนจึงเบนไป นายสมนึกคิดว่าพวกโจรเหล่านี้ใจดำอำมหิตไม่มีความปราณี จึงทำเป็นนอนตายไม่กระดุกกระดิก ฝ่ายโจรคิดว่านายสมนึกตายแล้ว พวกมันจึงพากันลงเรือนไป ลูกปืนของโจรได้เจาะผ่าไปถูกลูกชายของผู้ใหญ่เฉื่อยอาการสาหัสอีกด้วย แต่ไม่ถึงตาย เมื่อพวกโจรกลับหมดแล้ว นายสมนึก จึงลุกขึ้นและได้เดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเมืองนครราชสีมา(โรงพยาบาลสวนหม่อน)เป็นเวลาหลายอาทิตย์ ถึงแม้ร่างกายของนายสมนึกจะยิงไม่เข้า แต่ด้วยความรุนแรงของกระสุนปืนเอ็ม๑๖ จึงทำให้ตับอักเสบ นายแพทย์ได้เอ็กซเรย์ดูแล้วปรากฏว่าไม่ลูกปืนฝังในร่างกายของนายสมนึกเลย เพียงแต่บริเวณหน้าท้องและหน้าอกมีจุดแดงๆเท่านั้น ทั้งนี้เพราะยิงไม่เข้านั่นเอง

นายสมนึก รักไร่ ได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า “การรอดชีวิตครั้งนี้ก็เพราะบารมีหลวงปู่โต ยโสธโร คุ้มครองเขามิฉะนั้นแล้วเขาคงตายแล้ว

ผู้เขียนถามว่า “ได้แขวนพระอะไรบ้าง”

เขาตอบว่า “มีตะกรุดอิทธิเจและเหรียญรูปเหมือนหลวงปู่โตเท่านั้น” อย่างอื่นไม่มีอะไร แล้วเขาก็เอาวัตถุมงคลชุดนั้นมาให้ดู

อิทธิปาฏิหาริย์ยิ่ง..นักเลงแอบจ่อยิง "หลวงปู่โต วัดบ้านกล้วย"ด้วยปืนลูกซอง จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว..แต่ไม่ถูกใครสักคน แคล้วคลาดเป็นเลิศ.

ผู้เขียนได้สัมภาษณ์นายสมนึก รักไร่ที่บ้านเขาด้วยตัวเอง เมื่อ ๒๐กว่าปีมาแล้ว น่าเสียดายเพราะเวลานี้นายสมนึก รักไร่ ได้ถึงแก่กรรมไปแล้วด้วยโรคเบาหวาน ประมาณ ๑ๆ กว่าปีมานี้

นอกจากนายสมนึก รักไร่ แล้วยังมีทหารหลายคนที่เคยไปรบสงครามเวียดนามมาแล้ว เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า “เขาก็รอดตายมาเพราะบารมีหลวงปู่โต” เช่นเดียวกัน คือวัตถุมงคลของหลวงปู่โตติดตัว เขาเห็นแต่ทหารคนอื่นถูกกระสุนล้มตายไปต่อหน้าต่อตาระยะใกล้ๆกันกับเขา

วัตถุมงคลหลวงปู่โต ยโสธโร สร้างขึ้นและปลุกเสก มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ดังนั้นผู้ที่ได้รับวัตถุมงคลของหลวงปู่ จึงรักและหวงแหนมาก มิยอมที่จะปล่อยให้หลุดมือไป

หลวงปู่โต ยโสธโร มีเกียรติยศโด่งดังมาก เพราะวัตถุมงคลที่ท่านได้สร้างและปลุกเสกตรงกับสมัยที่เกิดสงคราม ในสงครามเวียดนามผู้ที่มีวัตถุมงคลหลวงปู่โต ทหารที่ไปรบเวียดนามจะปลอดภัยได้ทุกคน ไม่มีคนเสียชีวิตเลย

ประวัติหลวงพ่อโต วัดบ้านกล้วย หรือหลวงปู่โต ยโสธโร

พระเกจิชื่อดังขมังเวท แห่ง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา

พระเกจิอาจารย์ ผู้มีชื่อเสียง โด่งดัง ผู้สร้างพระเครื่องด้วยเนื้อโลหะ เททองหล่อแบบโบราณ เป็นของดีที่ชาวนครราชสีมาภูมิใจ

ประวัติย่อ

หลวงปู่โต ยโสธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านกล้วย ต.ท่าหลวง(ปัจจุบันเป็น ต.ดงใหญ่) อ.พิมาย จ.นครราชสีมา

ชาติภูมิ

หลวงปู่โต ยโสธโร นามเดิม โต นามสกุล สินนา เกิดวันที่๙ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๒๗ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือนอ้าย ปีจอ ที่บ้านกล้วย ต.ท่าหลวง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เป็นบุตรของ คุณพ่อดี คุณแม่พูน สินนา มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๔ คนคือ

๑.พ่อบุญ สินนา

๒.แม่จีน พี่พิมาย

๓.พ่ออินทร์ สินนา

๔.แม่จันทร์ อิ่มพิมาย

การศึกษา

เมื่อเยาว์วัย ได้สมัครเป็นลูกศิษย์วัดสระหิน และมีคุณครูชื่อ หรั่ง (ส่วนนามสกุลนั้นจำไม่ได้) เป็นผู้สอนจนมีความรู้อ่านออกเขียนได้

เมื่อ พ.ศ.๒๔๔๓ อายุได้ ๑๖ ปี มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาจึงได้บรรพชาเป็น สามเณร อยู่ที่วัดสระหิน ซึ่งอยู่ในบริเวณปราสาทหินพิมาย อ.พิมาย

จ.นครราชสีมา ได้เรียนมูลกัจจายน์กับครูหรั่งจนมีความรู้ในภาษาบาลีแตกฉานจึงไดย้ายมาศึกษาต่อที่ วัดอิสาน อ.เมือง จ.นครราชสีมา

คืนสู่เพศฆราวาส

สามเณรโต ได้ลาสิกขา และได้สมัครเข้าทำงานเป็น เสมียน ทำงานอยู่ที่ ที่ว่าการอำเภอพิมาย ในสมัยของนายอำเภอ เหม (ส่วนนามสกุลนั้นจำไม่ได้)

อุปสมบท

พ.ศ.๒๔๔๘ อายุได้ ๒๑ ปี ได้กลับเข้าสู่สมณเพศอีกครั้ง ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดจันทร์ ต.ประสุข อ.พิมาย(ปัจจุบันเป็น อ.ชุมพวง) จ.นครราชสีมา

โดยมีพระอุปัชฌาย์ แก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่ออุปสมบทได้จำพรรษาที่วัดบ้านกล้วยมาโดยตลอด ในสมัยนั้นไม่มีครูสอนพระปริยัติธรรม แต่หลวงปู่ก็ได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตัวของท่านเองจนมีความรู้แตกฉานในพระธรรมวินัย และได้ถือปฏิบัติเป็น สุปฏิปันโน ผู้ปฏิบัติดีแล้ว จึงเป็นที่เคารพนับถือของผู้คน ประชาชนในหมู่บ้านและในละแวกใกล้เคียง

อิทธิปาฏิหาริย์ยิ่ง..นักเลงแอบจ่อยิง "หลวงปู่โต วัดบ้านกล้วย"ด้วยปืนลูกซอง จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว..แต่ไม่ถูกใครสักคน แคล้วคลาดเป็นเลิศ.

คืนสู่เพศฆราวาส

ต่อมาเมื่อ พ.ศ.๒๔๖๓ ได้ลาสิกขาและมีครอบครัว ตามวิสัยของฆราวาส มีภรรยาชื่อ นางมาก สินนา ได้ครองรักครองเรือนมีบุตรด้วยกัน ๒ คนคือ

๑.นายยอด สินนา อดีตอาจารย์ใหญ่ รร.ราษฏร์สโมสร (ถึงแกกรรมแล้ว)

๒.นางทองอยู่ สินนา (ถึงแกกรรมแล้ว)

เมื่อ พ.ศ.๒๔๗๓ นางมาก สินนา ภรรยาได้ถึงแก่กรรม จึงได้จัดการฌาปนกิจศพภรรยาจนเสร็จสิ้นตามประเพณี

คืนสู่สมณเพศ

เมื่อภรรยาถึงแก่กรรมแล้ว ท่านคงความเสียใจโศกเศร้า และปลงตกว่า ชีวิตของมนุษย์นี้คงจะต้องเกิด แก่ เจ็บ ตาย ดังคำสอนของพระพุทธองค์ที่ได้ทรงตรัสไว้ จึงได้เกิดความเบื่อหน่ายในเพศฆราวาส คิดจะสร้างคุณงามความดีในพระพุทธศาสนา เกิดแรงศรัทธาตัดสินใจเข้าอุปสมบทอีกครั้งหนึ่งในปี ๒๔๗๓ นั่นเอง โดยอุปสมบทที่วัดบ้านกล้วย โดยมีพระครูศีลวิสุทธิพรต(ทุย) เจ้าคณะอำเภอพิมาย เป็นอุปัชฌาย์ เมื่ออุปสมบทแล้วก็ได้ดำรงสมณเพศมาจนตราบสิ้นชีวิต

ชีวิตปั้นปลายหลวงปู่โต ยโสธโร

หลวงปู่โต ยโสธโร เป็นพระเถระที่น่าเคารพบูชามาก เพราะท่านเป็นคนพูดน้อย ถ้าท่านไม่มีแขกมาพูดคุยอยู่กับท่านแล้ว จะเห็นท่านนั่งบริกรรมภาวนาตลอดทั้งวัน เพียงเห็นแต่รูปร่างของท่านก็เกิดศรัทธาเพราะท่านอ้วนถ้วนสมบูรณ์ดี ท่านไม่เคยดุด่าพระเณรองค์ใดเลย ท่านเป็นพระที่ใจดีมาก

หลวงปู่โต ยโสธโร ดำรงสมณเพศจนอายุได้๙๖ ปี นับว่าอายุยืนมาก ท่านเป็นพระที่เปี่ยมด้วยความเมตตาคุณ จึงได้เป็นที่พึ่งทางใจของประชาชน โดยเฉพาะชาวอำเภอพิมายและอำเภอใกล้เคียงจังหวัดนครราชสีมา

เนื่องจากหลวงปู่อายุมากและอยู่ในวัยชรา เมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๒๓หลวงปู่ได้เกิดอาพาธด้วยโรคริดสีดวงทวารและโรคชรา โรคไตมีอาการหนักมาก บรรดาศิษยานุศิษย์และลูกหลานได้นำหลวงปู่ไปรักษาที่โรงพยาบาลพิมาย พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่เป็นเวลา ๑๐ วัน อาการป่วยมีแต่ทรงกับทรุด ลูกศิษย์เห็นว่าจะรักษาหรือไม่รักษาก็เหมือนเดิม และเจตนาของหลวงปู่ก็ต้องการออกมารักษาตัวอยู่ที่วัด ญาติโยมและลูกหลานจึงได้นำหลวงปู่กลับมารักษาตัวที่วัด เป็นเวลา ๒สัปดาห์ อาการของหลวงปู่มีแต่ทรุดลงเรื่อยๆสุดที่จะเยียวยาได้ และแล้วในวาระสุดท้ายคือวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๒๓ เวลา ๑๐.๓๐น.หลวงปู่โต ยโสธโร อันเป็นที่เคารพรักของพวกเราก็ถึงแก่การมรณภาพด้วยอาการสงบ รวมอายุได้ ๙๖ปี

หลังจากหลวงปู่ได้มรณภาพแล้วคณะลูกหลานศิษยานุศิษย์ได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่เป็นประจำ คือ บำเพ็ญกุศลเมื่อครบ ๗ วัน ๕๐ วัน และ ๑๐๐ วัน และได้เก็บศพหลวงปู่ไว้ เวลาได้ล่วงเลยมาเป็นเวลา ๓ ปี๖ เดือน จึงได้จัดงานฌาปนกิจขึ้นเมื่อวันที่ ๙-๑๑ มีนาคม ๒๕๒๗ รวมเวลา ๓วัน๓คืน

อิทธิปาฏิหาริย์ยิ่ง..นักเลงแอบจ่อยิง "หลวงปู่โต วัดบ้านกล้วย"ด้วยปืนลูกซอง จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว..แต่ไม่ถูกใครสักคน แคล้วคลาดเป็นเลิศ.

อ่านเพิ่มเติม...ตำนาน "หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ"

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาข้อมูล

ข้อมูลจากนิตยสาร ร่มโพธิ์ ปีที่ 1 ฉบับที่ 3 ประจำเดือนกรกฎาคม 2534

เพจ:ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญาครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม