- 14 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีที่มีผู้มีการโพสต์คลิป/ภาพและข้อความเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากลของโครงการพัฒนาศักยภาพปลายแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อรองรับการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ลงในเฟซบุ๊คชื่อดังกลุ่ม !!ประเทศคอน!! โดยมีรายละเอียดการดำเนินการประกอบด้วยการก่อสร้างอาคารเอนกประสงค์พร้อมคุรุภัณฑ์ประกอบพื้นที่ใช้สอบ 350 ตารางเมตร จำนวน 1 หลัง ก่อสร้างห้องน้ำห้องสุขาชาย/หญิง จำนวน 2 หลัง ก่อสร้างถังเก็บน้ำบนดินคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 50 ลูกบาศก์เมตร 3 ลูก ก่อสร้างเส้นทางศึกษาธรรมชาติความกว้างไม่น้อยกว่า 1.4 เมตร ยาวไม่น้อยกว่า 3,000 เมตรพร้อมศาลาเอนกประสงค์ขนาด 3X4 เมตรจำนวน 4 หลัง ก่อสร้างลานจอดรถพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กกว้าง 40 เมตรยาว 120 เมตร หนาไม่น้อยกว่า 10 ซ.ม. รวมพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 4,800 ตารางเมตร ก่อสร้างลานนันทนาการพื้นปูด้วยตัวหนอน พื้นที่ใช้สอย 1,600 ตารางเมตร จำนวน 2 แห่ง ปรับปรุงเส้นทางเข้าแหล่งท่องเที่ยวกว้าง 5 เมตร ยาว 5 กม. โดยการถมหินคลุกและเกลี่ยบดอัด ทำการขยายเขตการไฟฟ้า ระยะทาง 3 กม. และจัดสร้างป้ายสื่อความหมาย/คำขวัญ จำนวน 30 ป้าย ใช้งบประมาณทิ้งสิ้น 27,339,700 บาท จนสื่อมวลชนเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบการก่อสร้างตามรายละเอียดไม่ค่อยเรียบร้อย โดยเฉพาะการติดแอร์กลางแจ้ง โดยไม่มีการกั้นห้องแต่อย่างมด และยังมีการติดตั้งพัดลมเพดานสลับระหว่างแอร์แต่ละตัวอีกด้วย และไม่ได้ใช้ประโยชน์ใด ๆ จากโครงการ ก่อสร้างเสร็จก็ทิ้งสูญเปล่าเป็นการใช้งบประมาณไม่คุ้มค่าแม้แต่น้อย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
(14 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวานนี้ (13 ก.พ.)ฉ นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนายอร่าม ศรีปรางค์ ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดนครศรีธรรมราช นายอุดมพร กาญจน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช และผู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงเรือกู้ภัยศูนย์ช่วยเหลือทางทะเลนครศรีธรรมราช ของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครศรีธรรมราช และเรือตรวจการณ์ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จากท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลปากนคร อ.เมือง ไปขึ้นฝั่งที่บริเวณเส้นทางศึกษาธรรมชาติ บริเวณปลายแหลมตะลุมพุก หมู่ที่ 4 ต.แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อศึกษาสภาพธรรมชาติทางทะเลและป่าชายเลน
จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชและคณะได้เดินทางไปตรวจสอบโครงการพัฒนาศักยภาพพื้นที่บริเวณปลายแหลมตะลุมพุก เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ หลังเพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ได้ลงข้อความใน Facebook เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2561 รวมทั้งเฟซบุ๊ค !!ประเทศคอน!! จนมีผู้เข้าไปชม แชร์และวิพากวิจารณ์อย่างกว้างว่าโครงการดังกล่าวไม่ชอบมาพากล ส่อให้เห็นการทุจริตอย่างชัดเจน จนสื่อมวลชนจากหลายสำนักโดยเฉพาะสำนักข่าวทีนิวส์ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและนำเสนอข่าวออกไปอย่างกว้างขวาง
หลังจากนั้นนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้รับงบพัฒนาจังหวัดเมื่อปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ตนยังไม่ได้มารับตำแหน่ง ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนกันยายน 2560 ซึ่งอาคารยังไม่ได้เปิดใช้งาน ซึ่งตนได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา 1 ชุด เพื่อดูในรายละเอียดของโครงการว่าเป็นอย่างไร วิธีการเป็นอย่างไร จะบริหารจัดการต่อไปอย่างไร โดยให้สำนักงานจังหวัดรายงานผลสรุปการตรวจสอบให้ตนทราบภายใน 7 วัน โดยหากพบว่ามีการทุจริตก็จะต้องดำเนินการไปตามขั้นตอนกฎหมายอย่างเด้ดขาดต่อไป
“อย่างไรก็ตามจากการตรวจดูเบื้องต้นพบเห็นเชิงประจักษ์ ว่าสิ่งที่ยังใช้ไม่ได้คือติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เพราะการออกแบบอาคารไม่สอดรับกับการใช้แอร์ และมีการติดตั้งพัดลมคู่กับแอร์ด้วย การออกแบบอาคารเป็นลักษณะ “โอเพ่นแอร์” ซึ่งไม่ได้มีการปรับแบบอาคารให้สอดรับกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งก็ต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นผู้ตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง”
ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการพัฒนาศักยภาพพื้นที่บริเวณปลายแหลมตะลุมพุก เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษาและประชาชน เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยมีกิจกรรมที่ดำเนินการ ได้แก่ การก่อสร้างอาคารเอนกประสงค์พร้อมครุภัณฑ์ประกอบอาคาร พื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 350 ตารางเมตร ห้องน้ำ-ห้องสุขา 2 หลัง แยกชาย-หญิง ก่อสร้างถังเก็บน้ำบนดินคอนกรีตเสริมเหล็กขนาด 50 ลบ.ม. 3 ลูก ก่อสร้างเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ยาว 1,000 เมตร พร้อมป้ายสื่อความหมายและศาลาที่พักในเส้นทาง ลานจอดรถพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก ลานนันทนาการ ขยายเขตไฟฟ้า และปรับปรุงถนนทางเข้าแหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากรายงานของผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช รายละเอียดข้อมูลยังขัดแย้งกับเอกสารของโครงการนี้หลายจุด โดยรายละเอียดการดำเนินการเดิม ๆ ประกอบด้วยการก่อสร้างอาคารเอนกประสงค์พร้อมคุรุภัณฑ์ประกอบพื้นที่ใช้สอบ 350 ตารางเมตร จำนวน 1 หลัง ก่อสร้างห้องน้ำห้องสุขาชาย/หญิง จำนวน 2 หลัง ก่อสร้างถังเก็บน้ำบนดินคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาด 50 ลูกบาศก์เมตร 3 ลูก ก่อสร้างเส้นทางศึกษาธรรมชาติความกว้างไม่น้อยกว่า 1.4 เมตร ยาวไม่น้อยกว่า 3,000 เมตรพร้อมศาลาเอนกประสงค์ขนาด 3X4 เมตรจำนวน 4 หลัง ก่อสร้างลานจอดรถพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กกว้าง 40 เมตรยาว 120 เมตร หนาไม่น้อยกว่า 10 ซ.ม. รวมพื้นที่ใช้สอยไม่น้อยกว่า 4,800 ตารางเมตร ก่อสร้างลานนันทนาการพื้นปูด้วยตัวหนอน พื้นที่ใช้สอย 1,600 ตารางเมตร จำนวน 2 แห่ง ปรับปรุงเส้นทางเข้าแหล่งท่องเที่ยวกว้าง 5 เมตร ยาว 5 กม. โดยการถมหินคลุกและเกลี่ยบดอัด ทำการขยายเขตการไฟฟ้า ระยะทาง 3 กม. และจัดสร้างป้ายสื่อความหมาย/คำขวัญ จำนวน 30 ป้าย ใช้งบประมาณทิ้งสิ้น 27,339,700 บาท และเริ่มดำเนินการเดือนตุลาคม 2558 สิ้นสุดเสร็จโครงการเดือนกันยายน 2559 และได้ตั้งตัวชี้วัดและเป้าหมายจำนวนผู้มาใช้บริการในปี 2560 จำนวน 6,000 คน
“แต่การให้สัมภาษณ์ของผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ต่างกันตรงจุดเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ยาว 1,000 เมตร จากที่ระบุในโครงการเดิม 3,000 เมตร พร้อมศาลาเอนกประสงค์เป็นระยะ 4 หลัง พร้อมป้ายสื่อความหมาย 30 ป้าย แต่ในส่วนของป้ายสื่อความหมายไม่มีแม้แต่ป้ายเดียว โครงการดังกล่าวได้รับงบพัฒนาจังหวัดเมื่อปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 ตนยังไม่ได้มารับตำแหน่ง ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนกันยายน 2560 จากที่กำหนดเดิมเริ่มดำเนินการเดือนตุลาคม 2558 สิ้นสุดเสร็จโครงการเดือนกันยายน 2559 และได้ตั้งตัวชี้วัดและเป้าหมายจำนวนผู้มาใช้บริการในปี 2560 จำนวน 6,000 คน”
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปตรวจสอบในเว็ปไซด์ “ระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ” พบข้อมูลซึ่งเป็นสาระสำคัญในสัญญาระบุว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบคือจังหวัดนครศรีธรรมราช วิธีการจัดหาแบบพิเศษ ประเภทการจัดหาจ้างการก่อสร้าง ประเภทโครงการจัดซื้อจัดจ้างตามขั้นตอนปกติ พร้อมระบุเลขที่โครงการ 59046158286 จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนงบประมาณ จำนวน 23,571,700.00 บาท จัดทำสัญญา/PO แล้ว ชื่อผู้ขาย (รับเหมา) กิจการร่วมค้าธนพรบิลต์ดิ้ง เลขคุมสัญญาในระบบ e-GP 590405015434 เลขที่สัญญา/ใบสั่งซื้อ 28/04/59 จำนวนเงิน 22,700,000 บาท และระบุชัดเจนว่า “ส่งงานเรียบร้อยแล้ว” จึงพอจะสรุปได้ว่าโครงการที่นำเสนอเดิมเริ่มดำเนินการเดือนตุลาคม 2558 สิ้นสุดเสร็จโครงการเดือนกันยายน 2559 งบประมาณ 27,339,700 บาท แต่มีมีการทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างจริงในปี 2559 ถัดจากกำหนดเดิมออกมา 1 ปี และทำสัญญาเริ่มก่อสร้างวันที่ 28 เมษายน 2559 โดยใช้งบประมาณจำนวน 23,571,700.00 บาท สิ้นสุดโครงการเดือนตุลาคม 2560 แต่มีการเบิกงบประมาณไปจริง ๆแค่ 22,700,000 บาท ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่าเนื่องจากมีการปรับลดระยะทางเส้นทางศึกษาธรรมชาติ จากเดิม ยาว 3,000 เมตร พร้อมศาลาเอนกประสงค์เป็นระยะ 4 หลัง พร้อมป้ายสื่อความหมาย 30 ป้าย เหลือระยะทางแค่ 1,000 เมตร ส่วนศาลาเอนกประสงค์จาก 4 หลังลดเหลือ 2 หลัง และป้ายสื่อความหมาย 30 ป้ายถูกตัดทิ้งไปไม่เหลือแม้แต่ป้ายเดียว จึงมีการอนุมัติการเบิกงบประมาณไปจริง ๆแค่ 22,700,000 บาทก็เป็นได้
นายไพโรจน์ รัตนรัตน์ อดีตนายก อบต.ปากพนังฝั่งตะวันตก กรรมการชมรมคนลุ่มน้ำพึ่งพาตนเองและแกนนำเรียกร้องก่อสร้างแนวคนกั้นคลื่นและทวงคืนโฉนดทะเล กล่าวว่า ตนเป็นผู้รับได้รับร้องเรียนเบื้องต้นและเข้าไปตรวจสอบดูด้วยตาตัวเองก็พบความไม่ชอบมาพากลหลายประการ การดำเนินการในทุกส่วนแทบไม่สามารถนำมาใบ้ประโยชน์ใด ๆ ๆได้เลย ยิ่งไปเห็นการออกแบบอาคารและติดแอร์กลางแจ้งโดยไม่มีการกั้นห้องแต่อย่างใด มันไม่มีที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ ตนอยากถามวิศวกรผู้ออกแบบ รวมทั้งผู้ควบคุมการก่อสร้างและหน่วยงานที่รับผิดชอบว่าปล่อยให้เรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร มีการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดินไปเรียบร้อยแล้ว ตนจำเป็นต้องใช้คำหยาบว่า “เขาใช้สมองหรือส้นตีนคิด”ทำในเรื่องนี้ หลังจากนั้นตนจึงนำคลิป/ภาพและขอความมาโพสต์ในเฟซบุ๊คกลุ่ม !!ประเทศคอน!! เพื่อร้องเรียนและขอรับการชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนมีการเข้าไปชม และแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง รวมทั้งมีการแชร์ไปยังกลุ่มต่างๆ จำนวนมาก อาทิ กลุ่มหมาเฝ้าบ้าน ,ชมรม Strong จิตพอเพียงต้านทุจริตจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น ที่สำคัญทีมข่าวเฉพาะกิจสำนักข่าวทีนิวส์ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริงและนำเสนอข่าวในเรื่องนี้จนเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้
“ตนกราบเรียนตรง ๆ ว่า การพัฒนาแหลมตะลุมพุกหรือ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ทุกเรื่อง ทุกโครงการเป็นโครงการที่ดี และเป็นความต้องการของชาวบ้าน ผู้นำท้องถิ่น แต่อย่าทำกันอย่างนี้ อย่าเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้และใช้นโยบายรัฐบาลมาเป็นช่องทางในการผลาญงบประมาณโดยพื้นที่ปากพนังเป็นพื้นที่ละลายงบประมาณหรือทุจริตคอรัปชั่นอย่างชัดแจ้งแบบนี้ โครงการนี้เกิดขึ้นก่อนที่นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดท่านนี้จะมารับตำแหน่ง ซึ่งตนยอมรับในความคิด วิสัยทัศน์ในการพัฒนาบ้านเมือง โดยเฉพาะการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของนายจำเริญ ท่านคิดดี ทำดี เพราะท่านเคยอยู่เมืองท่องเที่ยวระดับโลกคือ จ.ภูเก็ตมาก่อน หากการดำเนินการตามโครงการที่ท่านเสนอ ฯก่อสร้างให้กับหลายอำเภอทั่วจังหวัดเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดเชื่อว่าอีก 2-3 ปีการท่องเที่ยวเมืองนครศรีธรรมราชไปไกลแน่ แต่หากคนที่รับผิดชอบออกแบบ ควบคุม ตรวจรับการจ้างเป็นเหมือนโครงการที่แหลมตะลุมพุกแห่งนี้ ตนคิดว่าเปล่าประโยชน์ เสียดายงบประมาณจริง ๆ นายไพโรจน์ กล่าวในที่สุด.
ภาพ/ข่าว ยุทธนะ เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช