"หมอธี"เสียท่า"BBCไทย"เปิดพฤติการณ์เพื่อสร้างสรรค์หรือทำลาย..?? ไม้เบื่อไม้เมาคสช.!!

นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของ "นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์" รมว.ศึกษาธิการ ที่กำลังดังกระหึ่มปมวาทะท้าชน บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กรณีนาฬิกาหรู หลังสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษได้เผยคลิปเสียงการให้สัมภาษณ์ของ นพ.ธีระเกียรติ ที่กล่าวพาดพิงถึงกรณีการครอบครองนาฬิกาหรูของพล.อ.ประวิต  ระหว่างพบปะกับนักเรียนไทยในอังกฤษ

 

จุดเริ่มต้นเรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 9 ก.พ. โดยนพ.ธีระเกียรติ พูดถึงเรื่องนี้ กับนักเรียนไทยและนักธุรกิจไทยที่มาร่วมงานเลี้ยงรับรองที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงลอนดอน ว่า ขอให้ตระหนักว่าเมื่อจบการศึกษากลับไปทำงานที่ประเทศไทยแล้ว การบังคับใช้กฎหมายของไทย และสำนึกของนักการเมืองและผู้บริหารประเทศยังต่างจากของอังกฤษ การยึดหลักนิติธรรม (rule of law) ยังไม่เกิดขึ้นจริง

 

ต่อมาเมื่อวันที่12 ก.พ.เว็บไซต์บีบีซีไทยได้เผยแพร่คลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นของ นพ.ธีระเกียรติ  ที่กล่าวกับนักเรียนไทยในอังกฤษเกี่ยวกับกรณีการเปิดโปงนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า หากกรณีเช่นนี้เกิดกับตน ตนออกตั้งแต่เรือนแรกแล้ว

 

“เรื่องนาฬิกา ผมถูกเปิดโปงเรือนแรก ผมก็ออกแล้ว อันนี้ถามผมนะ ส่วนใครจะว่ายังไงก็ไปถามคนนั้น ของอย่างนี้คนก็ไม่กล้าพูด กลัวอะไร ทำไม พูดแล้วมันจะมาไล่ผมออกหรือ (แต่ท่านอยู่ใน ครม.นี่ - คนถามขึ้นมา) ไม่เกี่ยวนี่ อันนี้คือความเห็นผม ไม่ใช่ความเห็น ครม. แล้วทำไม ถ้าผมอยู่ที่ไหน ผมต้องคิดตามเขาหมดเหรอ ลูกผมยังคิดไม่เหมือนผมเลย การคิดเหมือนกันมันคือหลักเผ่ากู ซึ่งมันแค่โตกว่าหลักกูนิดเดียวเอง” รมว.ศึกษาฯ กล่าวในคลิป

จนล่าสุดวานนี้13 ก.พ.นพ.ธีระเกียรติ ได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังการเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า ตนยอมรับว่ามีการพูดจริง และยอมรับว่าเป็นเรื่องผิดมารยาทที่ไปวิพากษ์วิจารณ์เพื่อนร่วมครม. แต่ยืนยันไม่ได้ลาออก และยังจะช่วยนายกฯทำงานต่อไปเพราะยังมั่นใจในตัวนายกฯ จนกว่าท่านจะเห็นว่าตนไม่เหมาะสมแล้ว

"ผมไม่ได้สัมภาษณ์กับบีบีซี แต่เป็นการยืนคุยกันหลังการบรรยายโดยไม่รู้ว่ามีการอัดเสียง จะเห็นได้ว่าเสียงกับภาพไม่ตรงกัน แต่ไม่ใช่การตัดต่อ และก็คงไม่ดำเนินการฟ้องอะไร เพราะไม่มีประโยชน์ แต่ยอมรับว่าได้พูดจริง เป็นความเห็นส่วนตัว"

 นพ.ธีระเกียรติ กล่าวว่า ตนได้ขอโทษกับท่านว่าเป็นการเสียมารยาท ซึ่งนายกฯได้พยักหน้ารับ ท่านก็น่ารัก ถามว่าเกิดอะไร ตนก็อธิบายให้ฟัง ก็บอกว่ายังให้ความมั่นใจท่านอยู่ ซึ่งท่านยังให้ความมั่นใจกับตนว่าได้ร่วมงานกันมาถือเป็นครม.กันแล้วก็ให้กำลังใจกันและกันไป

 

ขณะที่ด้านฝ่ายสื่อสารองค์กรของบีบีซี กล่าวว่า "รัฐมนตรีคนดังกล่าวได้ตกลงให้ผู้สื่อข่าวของเราสัมภาษณ์ หลังจากที่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับ รัฐมนตรีร่วมรัฐบาลอีกคนหนึ่งต่อกลุ่มนักเรียนไทยในกรุงลอนดอน โดยเขาตกลงพูดคุยกับผู้สื่อข่าวของเราซึ่งได้บันทึกการสัมภาษณ์ โดยใช้โทรศัพท์มือถืออย่างเปิดเผย สามารถรับฟังคลิปเสียงดังกล่าวได้ทางเว็บไซต์BBCไทย"

 

ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับท่านผู้อ่านแล้วว่าจะเชื่อใครระหว่าง BBCไทย กับ นพ.ธีระเกียรติ  แต่ที่แน่ๆงานนี้นพ.ธีระเกียรติ เสียทีBBCไทยเป็นทีเรียบร้อยแล้ว เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ และคสช. เป็นไม้เบื่อไม้เมากับBBCไทยกันมาแต่ไหนแต่ไร

 

หลายคนคงไม่ลืมว่าโดยความเป็นจริง  BBC ภาคภาษาไทย เคยประสบปัญหาทางธุรกิจจากทิศทางการเสพข่าวสารที่เปลี่ยนแปลงไป จนต้องปิดตัวไปแล้วครั้งหนึ่ง  เมื่อวันที่   13  ม.ค.  2549   รวมระยะเวลาการดำเนินการมาก่อนหน้ายาวนานกว่า 60  ปี

จนกระทั่งวันที่ 10 ก.ค  2557   หรือภายหลังเหตุการณ์รัฐประหาร  น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร  เพียงไม่กี่วัน   BBC ไทย  ก็กลับมาเปิดตัวอีกครั้ง    และเริ่มนำเสนอข่าวสารอย่างเป็นทางการในวันที่  23 ก.ค.  2557   โดยเปลี่ยนรูปแบบจากสื่อวิทยุเป็นสื่อโซเชียลเต็มรูปแบบ  โดยมีคนไทยจำนวนหนึ่งร่วมเป็นทีมงานเหมือนในยุคอดีต

 

 

ต่อมาเว็บไซต์ BBCไทย ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2559 ที่ผ่านมา และนำเสนอรายงานพิเศษในลักษณะจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงของไทยมาโดยตลอด หลายต่อหลายกรณี เกิดข้อสังเกตที่ว่า BBCไทย แท้จริงมีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นเป็นอื่นหรือไม่ ?

 

มีข้อมูลยืนยันว่าBBCไทย ได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากรัฐบาลอังกฤษผ่าน “บีบีซีเวิลด์เซอร์วิส และได้เริ่มเปิดให้บริการข่าวสารผ่านเฟซบุ๊กมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 หลังเกิดรัฐประหารในประเทศไทยไม่นาน ก่อนที่จะเปิดเว็บไซต์ตามที่กล่าวไปแล้ว

 

อีกทั้งบทบาทของ “โจนาธาน เฮด” ผู้สื่อข่าวประจำภูมิภาคเอเชียของบีบีซี  ถูกจับตามองมาโดยตลอดว่า มีแนวทางการนำเสนอข่าวที่ส่อไปในทางสนับสนุนปกป้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวก ตลอดจน “คนเสื้อแดง” อย่างชัดเจน 

 

สำคัญไปกว่านั้น “โจนาธาน เฮด” ยังเคยถูกดำเนินคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูงของไทยมาแล้ว 

 

ดังนั้นการมีอยู่ของ  BBCไทยถูกจับตามองเป็นพิเศษ   เพราะเป็นการฟื้นคืนชีพในยุคประเทศไทย  และ คสช.  กำลังถูกชาติตะวันตกหยิบยกเรื่องประชาธิปไตยมาวิพากษ์วิจารณ์โจมตี  และกดดันในทุกรูปแบบผ่านองค์กรทางการค้า  รวมถึงตัวแทนการทูตประเทศ 

 

โดยเฉพาะอียู    สหรัฐ   โดยมีล็อบบี้ยิสต์ที่มีนักการเมืองในระบอบทักษิณอยู่เบื้องหลังให้การสนับสนุนทางการเงิน  เป็นหนึ่งแรงขับเคลื่อนกลไกดิสเครดิตคสช.ด้วยข้อกล่าวหาต่าง ๆ ทั้งที่คนไทยทั้งประเทศรู้ซึ้งถึงความเป็นที่คสช.ต้องเข้ามายึดอำนาจรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

 

ท่านผู้อ่านลองพิจารณาตรองดูว่าBBCไทยถือเป็นสื่อต่างชาติที่อ้างความเป็นไทยเข้าไปเกี่ยวโยงให้เกิดความรู้สึกร่วม  แต่โดยข้อเท็จจริงโดยพฤติการณ์ของ BBC  ไทย  ยังคงมีคำถามมากมายว่าเป็นสื่อที่มีแนวทางเพื่อสร้างสรรค์หรือทำลายประเทศไทยกันแน่