ติดตามข่าวสารอีกมากมายได้ที่ http://www.tnews.co.th

ตายแล้วไม่ดับสูญ! เปิดเส้นทาง ๕ สาย ตามกฎของการกระทำ โดย พระราชพรหมยาน "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ"

พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างละเอียดว่า เมื่อตายจากโลกนี้ไปแล้ว ทางไปก็มี ๕ สาย ส่วนจะไปเกิดในที่ใดก็จะเป็นไปตามกฎของกรรมคือการกระทำ ได้แก่ความความประพฤติดีหรือชั่วในสมัยที่ยังเกิดเป็นมนุษย์นี้เอง

. อบายภูมิ ได้แก่ เกิดเป็นสัตว์นรก เป็นเปรต เป็นอสุรกาย และเป็นสัตว์เดรัจฉาน

แดนเกิดที่เรียกว่า อบายภูมิ หรือนรกนั้น เป็นผลจากการประพฤติชั่ว คือก่อกรรมทำเข็ญในสิ่ง
ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่คนและสัตว์ แบ่งเป็น ๕ ประการ (การละเมิดศีล ๕) อันได้แก่

เป็นคนมีใจโหดร้าย ชอบข่มเหงรังแก เบียดเบียนคนและสัตว์ให้ได้รับความเดือดร้อนโดยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นความดี หมายถึง ละเมิดศีลข้อที่ ๑
มือไว ชอบลักขโมยของที่เจ้าของยังไม่อนุญาต หรือฉ้อโกงเอาทรัพย์สินของคนอื่นด้วยเล่ห์กลโกง หมายถึงละเมิดศีลข้อที่ ๒
ใจเร็ว ได้แก่ มีจิตใจไม่เคารพในความรักของคนอื่น ชอบลอบทำชู้ บุตร ภรรยาและธิดา สามี ของคนอื่นด้วยความมัวเมาในกามคุณ หมายถึงละมิดศีลข้อที่ ๓
พูดปด ได้แก่ พูดไม่ตรงต่อความเป็นจริงเพื่อหวังทำลายประโยชน์ของผู้อื่นโดยเจตนา หมายถึงละเมิดศีลข้อที่
ชอบทำตนให้เป็นคนหมดสติ ด้วยการย้อมใจให้หมดความรู้สึกในการับผิดชอบด้วยน้ำเมา หมายถึงละเมิดศีลข้อที่ ๕

. เกิดเป็นมนุษย์

ท่านว่าคนที่ตายแล้วจะเกิดมาเป็นมนุษย์อีกครั้งได้ ต้องมีกรรมบถ ๑๐ หรือเป็นคนมีศีล ๕
รักษาศีล ๕ เป็นประจำ อันได้แก่

เป็นคนมีเมตตาปราณี ไม่รังแกข่มเหงทำร้ายใครไม่ว่าคนหรือสัตว์ มีความรักเมตตาปราณีคนและสัตว์เสมอด้วยตนรักตนเอง
ไม่มือไว คือ เคารพสิทธิในทรัพย์สินของบุคคลอื่น ไม่ยอมถือเอาทรัพย์สินของใครมาเป็นของตน ในเมื่อเจ้าของยังไม่อนุญาตด้วยความเต็มใจ
ไม่ใจเร็ว ละเมิดความรักในบุตร ธิดา ภรรยา สามีของบุคคลอื่น
ไม่เป็นคนไร้สัจจะ พูดแต่เรื่องที่เป็นสาระ ตรงต่อความเป็นจริง
ทำตนให้เป็นคนมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ คือ เป็นคนมีอารมณ์รับรู้ความดีความชั่ว
ตามกฎของกรรม ไม่ปล่อยใจให้เลื่อนลอยด้วยน้ำเมาต่าง ๆ

 

. เกิดเป็นเทวดาหรือเป็นนางฟ้าอยู่บนสวรรค์

อาการที่ทำให้คนเกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้าบนสวรรค์ ท่านได้บรรยายไว้มาก แต่เมื่อสรุปกล่าว
โดยย่อมี ๒ อย่าง คือ

เป็นคนมีความละอายต่อความชั่ว ไม่ยอมทำชั่วในที่ทุกสถาน
เกรงผลของชั่ว จะทำให้เกิดความเดือดร้อน

 

. เกิดเป็นพรหม ในพรหมโลก

พรหมกับเทวดามีดินแดนเกิดคนละแดนกัน พรหม ท่านว่าศักดิ์ศรีดีกว่าเทวดาและมีชั้นภูมิสูง
กว่า มีอำนาจมากกว่า มีความสุขดีกว่า ความสวยงดงามก็ดีกว่าเทวดา แต่พรหมไม่มีเพศคือไม่มีเพศหญิงเพศชาย ทั้งนี้เพราะพรหมไม่มีการครองคู่ อยู่โดดเดี่ยวอย่างพระสงฆ์ตามวัด คือไม่มีภรรยาสามี ท่านว่ามีความสุขสงบสงัด ท่านที่จะเป็นพรหมได้ ต้องเป็นกรรมฐานและมีอารมณ์จิตสุดท้ายก่อนตาย อารมณ์จิตเป็ฯฌานที่เรียกว่า เข้าฌานกตาย

. ไปสู่พระนิพพาน

แดนนี้เป็นเขตที่รู้เรื่องกันยากมาก เพราะนักปราชญ์สมัยนี้ถือว่า นิพพานสูญขอกล่าวย่อ ๆ
ว่า คนที่จะถึงพระนิพพานได้นั้น ต้องมีความบริสุทธิ์ ๑๐ อย่าง คือ

ไม่เมาในตนเองหรือวัตถุต่าง ๆ ที่คิดว่าเป็นสมบัติของตน รู้สึกว่าจะต้องตายและพลัดพรากจากของรักของชอบใจแน่นอน ไม่มีอะไรที่จะมาห้ามความตายและความพลัดพรากได้ ทำจิตใจเป็นปกติเมื่อมีความตายมาถึงหรือเมื่อต้องพลัดพรากจากสิ่งที่ตนรัก
ไม่สงสัยในคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงสอนตามความเป็นจริงว่า ทุกอย่างในโลกนี้ไม่ว่าสิ่งที่มีชีวิตต้องทำลายตนเองลงในเมื่อกาลเวลามาถึง ไม่มีอะไรทรงสภาพเป็นปกติอยู่ได้ ใครทำความดี ความดีก็คุ้มครองให้มีความสุขใจ ใครทำชั่ว ความชั่วจะบันดาลความเดือดร้อนให้ แม้ผู้อื่นไม่ลงโทษ ตนเองก็มีความหวาดสะดุ้งเป็นปกติ

รักษาศีลมั่นคง ดำรงจิตอยู่ในศีลเป็นปกติ
ทำลายความรักใคร่ในกามารมณ์ให้สิ้นไปจากใจ ด้วยอำนาจความรู้ถึงความจริง รู้ว่าความรักเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์ ภัยอันตรายที่มีขึ้นแก่ตนเพราะอาศัยความรักเป็นเหตุ
มีจิตใจเต็มไปด้วยความเมตตาปราณี ไม่โกรธไม่จองล้างจองผลาญคิดทำอันตรายใคร ไม่ว่าใครจะแสดงอาการอย่างไร จิตก็ไม่คลายจากความเมตตา
ไม่มัวเมาในรูปฌาน โดยคิดว่าการที่ตนทรงรูปฌานได้นี้ เป็นผู้ถึงที่สุดของความดี เมาฌานจนไม่สนใจความดีที่ตนยังไม่ได้
ไม่มัวเมาในอรูปฌาน โดยคิดว่าความดีเพียงเท่านี้ ยังไม่เป็นทางสิ้นทุกข์


มีอารมณ์เป็นปกติ ไม่คิดถึงเรื่องอารมณ์เหลวไหล มีจิตใจเต็มไปด้วยความหวังดี ไม่ว่าต่อคนหรือสัตว์ ตลอดเวลาที่ตื่นอยู่
ไม่ถือตน ทะนงตน ว่าดีเลิสประเสริบกว่าใคร และมีอารมณ์ใจเป็นปกติ เห็น คน สัตว์ ทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของธรรมดาที่ต้องตายสลายไป และมีอารมณ์ไม่หวั่นไหว เมื่อเข้าสังคมสมาคมใด ๆ มีอาการเป็นเสมือนว่าสังคมนั้น สมาคมนั้น ๆ เป็นกลุ่มของคนที่ต้องตาย ไม่ทำตัวใหญ่หรือเล็กจนน่าเกลียด ทำตนพอเหมาะพอสมควรแก่สมาคมนั้น ๆ เรื่องของเขา เขาจะดีจะชั่วก็ตัวของเขา เราช่วยได้เราก็ช่วย ช่วยไม่ได้ก็เฉยไว้ ไม่สนใจที่จะไปเบ่งบารมีทับใคร


ตัดความรักความพอใจในโลกีย์วิสัยให้หมด งดอารมณ์อยากดีอยากเด่น ทพอารมณ์เป็นพระพุทธในพระอุโบสถ พระพุทธท่านยิ้มเสมอ ท่านที่จะถึงพระนิพพานต้องยิ้มได้อย่างพระพุทธ ใคครจะดีจะชั่วก้ยิ้ม เพราะเห็นเป็นของะรรมดามันหนีไม่ได้ไล่ไม่พ้น เมื่อยังมีตัวมีตนเป็นใครมันก็ต้องตาย พบอาการอย่างนี้อยู่ก็สบายใจ ความตายจะมาถึงก็ไม่สะดุ้งหวาดกลัว เพราะรู้ตัวอยู่เสมอว่าจะต้องตาย มีอารมณ์ใจปกติ ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่ผูกพัน ทรัพย์สินหรือสัตว์หรือบุคคลอื่น เท่านี้ก็ไปพระนิพพานได้


ในท้ายสุด พระราชพรหมยานยังได้ฝากข้อคิดไว้เพื่อคลายความสงสัยของหลายคนที่อาจจะยังสงสัย ว่า แล้วจะมีทางใดพิสูจน์ได้ว่า คำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุธเจ้านั้นเป็นความจริง ซึ่งท่านได้ให้คำตอบว่า ทางพิสูจน์ก็คือ ฟังคำสอนเหล่านี้แล้วต้องไม่ใช่แค่ฟังแล้วก็เอาไปคุยอวดกันว่ารู้มาก แต่ต้องลงมือปฏิบัติจริง จึงจะเห็นผล และตัวท่านเองที่จะเป็นผู้เห็นผลนั้น

 

 


ตายแล้วไม่ดับสูญ! เปิดเส้นทาง ๕ สาย ตามกฎของการกระทำ โดย พระราชพรหมยาน "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ"

 

ข้อมูล : http://www.suriyafuneral.com/article4/