ติดตามเรื่องราวดีๆอีกมากมายได้ที่ https://www.facebook.com/partiharn99/

ครั้งหนึ่ง "หลวงปู่ผาง จิตตคุตโต" ได้เดินทางไปปักกลดภาวนาที่ราวป่าแห่งหนึ่งบริเวณลานหินใต้ต้นไม้

คืนแรกก็ปกติ ไม่มีอะไร  ตกคืนที่สอง ขณะที่กำลังเดินจงกรมอยู่ ท่านสังเกตเห็นว่าบรรยากาศมันเงียบผิดปกติจึงเริ่มระวังตัว  ทันใดนั้นท่านก็ต้องขนลุกไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเสียงดังแกรก ๆ ... มันคืองูใหญ่ตัวเท่าต้นขาที่กำลังเลื้อยเข้าไปในรูหินซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับที่ที่ท่านพักอยู่นั่นเอง  ท่านนึกในใจว่า

"เจอเจ้าถิ่นเข้าให้แล้วไหมล่ะ!  หรือว่าเราปักกลดขวางทางนี่น่ะ?  แต่ตัดสินใจดั้นด้นมาถึงนี่แล้วต้องลองกันสักตั้งให้รู้ดำรู้แดงไปเลย!"

พอตกคืนที่สาม หลวงปู่ผางกำลังเดินจงกรมอยู่ก็ได้ยินเสียงผิดปกติอีกครั้ง และคิดว่าคงจะเป็นเสียงของงูตัวเมื่อวานนี้แน่ ๆ

เสียงสิ่งมีชีวิตลากเลื้อยบนใบไม้ค่อย ๆ ใกล้เข้ามา  หลวงปู่ผางเริ่มรู้ตัวว่าอะไรจะเกิดขึ้นจึงได้นั่งลงข้างกลด สงบนิ่งจนระงับความตื่นเต้นไว้ได้ แล้วกำหนดจิตถามตัวเองว่า "กลัวงูยักษ์ตัวนี้หรือไม่?"  ใจก็ตอบตัวเองว่า "ไม่กลัว" จึงได้กำหนดจิตแผ่เมตตาให้มัน

และแล้วเมื่องูใหญ่เลื้อยมาอยู่ตรงหน้าหลวงปู่ผาง พร้อมทั้งอ้าปากกว้าง แลบลิ้นแผล็บ ๆ ทำท่าเหมือนจะกินท่านเป็นอาหารอยู่นั้น ท่านจึงพูดกับมันว่า

"ถ้าจะกินเราต้องกินให้หมดทั้งบริขาร กลด บาตร จีวร ต้องกินเข้าไปให้หมด อย่าให้เหลือ ... เรายอมตายแล้ว สละหมดแล้วทุกอย่างแม้แต่ชีวิต"

วินาทีนั้น จิตของหลวงปู่ผางตั้งมั่นหนักแน่นเหมือนหินและมีสติอยู่กับตัวตลอดเวลา  ท่านแนบมือเข้ากับลำตัว ชิดเท้าเข้าหากัน นอนเหยียดยาวเพื่อรอให้งูกิน

งูตัวนั้นมันคงจะหิวจัดเพราะอดอาหารมานานหลายวัน และหาสัตว์อื่นกินเป็นอาหารไม่ได้แล้ว มันจึงมาหากินคน  ว่าแล้วมันก็เริ่มขยอกกลืนท่านเข้าไปในปากของมันเรื่อย ๆ  มันกลืนกินตัวท่านเข้าไปถึงไหนก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงนั่น!

สบตากับความตาย...จนความตายต้องหลบตา !!! "หลวงปู่ผาง" ยอมสละร่างให้งูกินอย่างกล้าหาญ สุดท้ายงูต้องปล่อย เพราะ ยอมแพ้ในความเมตตา !!!

ขณะที่หลวงปู่ผางอยู่ในปากของงูใหญ่นั้น ท่านก็กำหนดภาวนาปล่อยวางความตายจนกระทั่งหมดสิ้นความกลัวตาย  เมื่อจิตหมดความอาลัยเสียดายในชีวิตได้แล้ว จิตก็รวมวูบเข้าเป็นสมาธิ โดยมีสติตามรู้ และเป็นอย่างนั้นอยู่นาน

เมื่อจิตถอนออกมาแล้วก็ไม่มีความโกรธหรือผูกอาฆาตพยาบาทต่องูเลย  มีแต่ความองอาจกล้าหาญ ไม่สะทกสะท้าน  พร้อมทั้งกำหนดจิตแผ่เมตตาและกำหนดพิจารณาดูมันอยู่อย่างนั้น

งูใหญ่ขยอกหลวงปู่ผางเข้าไปในท้องอย่างช้า ๆ จนถึงลำคอของท่าน ... แต่แล้วมันก็หยุดอยู่แค่นั้น ไม่ขยอกต่อ!

หลวงปู่ผางจึงพูดกับมันว่า

"ทำไมไม่กินให้หมดทั้งตัวล่ะ!  ถ้ากินไม่หมด ข้าจะเอาศอกกระทุ้งนะ!"

ว่าแล้วหลวงปู่ผางก็เอาศอกกระทุ้งมันเบา ๆ  จากนั้นมันก็เริ่มคายลำตัวของท่านออกมาจากปากของมัน  เมื่อท่านหลุดจากปากของมันแล้ว มันก็เลื้อยถอยออกห่างไปนิดหนึ่ง แล้วชูคอผงกหัวขึ้นลงอยู่สามครั้ง เสมือนเป็นการกราบขอขมาลาโทษและขออโหสิกรรมที่ได้ล่วงเกินท่าน แล้วมันก็เลื้อยหายไป!

สบตากับความตาย...จนความตายต้องหลบตา !!! "หลวงปู่ผาง" ยอมสละร่างให้งูกินอย่างกล้าหาญ สุดท้ายงูต้องปล่อย เพราะ ยอมแพ้ในความเมตตา !!!

นับจากนั้นมา หลวงปู่ผางก็ไม่เคยเห็นงูตัวนั้นมาปรากฏให้เห็นอีกเลย

หลวงปู่ผางเล่าว่า มันเริ่มกินท่านตั้งแต่สามทุ่มจนกระทั่งถึงตีห้า จึงได้คายท่านออกจากปาก

ปัจจุบัน...ลูกศิษย์ของท่านได้ปั้นรูปงูใหญ่ไว้เป็นอนุสรณ์ ณ ที่แห่งนี้

สบตากับความตาย...จนความตายต้องหลบตา !!! "หลวงปู่ผาง" ยอมสละร่างให้งูกินอย่างกล้าหาญ สุดท้ายงูต้องปล่อย เพราะ ยอมแพ้ในความเมตตา !!!

ที่มา : หนังสือ "ชีวประวัติ ปฏิปทา และคติธรรมของหลวงปู่ผาง จิตตคุตโต"