ลางร้าย..หายนะ "เพื่อไทย"เลือกตั้งครั้งหน้า หลงระเริงผล"อีสานโพล" แท้จริงคะแนนเสียงหายฮวบ!!??

ลางร้าย..หายนะ "เพื่อไทย"เลือกตั้งครั้งหน้า หลงระเริงผล"อีสานโพล" แท้จริงคะแนนเสียงหายฮวบ!!??

หากจะวิเคราะห์ถึงอนาคตของพรรคเพื่อไทย หลังจากที่ปรากฏภาพ 2 พี่น้องตระกูลชินวัตร ผู้ต้องหาหนีคดี  หลายคนอาจมองว่าอนาคตนับจากนี้ไปของพรรคเพื่อไทยจะไปในทิศทางไหน และถึงเวลาที่จะล่มสลายของพรรคเพื่อไทย แล้วหรือไม่นั้น เพราะในวิกฤต "พรรคไร้หัว"หาความชัดเจน จุดยื่นที่เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ พรรคเพื่อไทยภายใต้การบงการของนายใหญ่ในต่างแดนกำลังมาถึงช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจครั้งสำคัญ  เพื่อหาบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นทายาทผู้นำหุ่นเชิดทางการเมืองของตระกูลชิน

 

หลังมีกระแสข่าวว่าจะมีแกนนำพรรค อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ทยอยเดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ฮ่องกง โดยรายงานข่าวจากอดีตส.ส.ภาคอีสาน พรรคเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบนายทักษิณ  เปิดเผยว่า กลุ่มของตนเดินทางมาถึงฮ่องกงในช่วงบ่ายของวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา และได้เข้าพบกับนายทักษิณในช่วงบ่ายของวันที่ 15 ก.พ.และได้พบกับเพื่อนอดีตส.ส.ที่เดินทางมาถึงก่อนหน้านี้แล้วรวมประมาณ 11-12 คน โดยใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 1 ชั่วโมง และพวกตนจะเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงเย็นของวันที่ 17 ก.พ. 

ในส่วนเรื่องการเมืองนั้น ได้มีการพูดคุยกันเล็กน้อย โดยรายงานระบุว่า นายทักษิณได้กล่าวว่า การเมืองไทยไม่แน่นอน เมื่อไหร่จะมีการเลือกตั้งก็ยังไม่รู้ วันนี้อยากให้ทุกคนทำมาหากิน และสมมุติว่าหากมีการเลือกตั้ง ก็ให้สมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกคนสามัคคี ร่วมกันทำงานให้ประชาชน เพราะนี่จะเป็นคำตอบสำหรับการเลือกตั้ง และเรื่องผู้นำพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกันมาก รายงานข่าวอ้างว่านายทักาณระบุเพียงว่า 

 

          "มีคนมาบอกเยอะ แต่ยังทำอะไรไม่ได้ ต้องรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนด้วยว่าเป็นอย่างไร ซึ่งคงจะต้องรอให้คสช.ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองได้ก่อน จากนั้นเสียงสมาชิกส่วนใหญ่ว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น ปัญหาจะได้จบ เพราะขณะนี้ยังต่างคนต่างพูด ถ้ามาพูดกันคนละทีแบบนี้มันก็จะไม่จบและนายทักษิณบอกว่าไม่อยากเข้ามายุ่งอะไรมาก เพราะรัฐธรรมนูญใหม่ห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับพรรค ขนาดมีข่าวอดีตส.ส.เดินทางมาพบท่านผู้มีอำนาจก็ยังออกมาโจมตีนายทักษิณเลย วันนี้ประเทศไทยยังมีปัญหาเรื่องของการยอมรับซึ่งกันและกัน" 

 

พรรคเพื่อไทย กับนายทักษิณ เป็นของคู่กัน การที่นายทักษิณ ไม่อยากเข้ามายุ่งอะไรมาก กับพรรค นั้นจริงหรือ เป็นที่ทราบกันดีว่าชื่อของนายทักษิณนั้น อย่างไรก็ขายได้  ในพื้นที่ภาคอีสาน อย่าง เรื่องนี้ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ทราบดี ครั้งหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า

 

"พรรคเพื่อไทยยังไงก็ขายได้ มีสองเงื่อนไขที่เราจะไม่ชนะเลือกตั้ง หนึ่ง ทักษิณตาย สอง เลิกเล่นการเมือง แต่ถ้าไม่เข้าสองเงื่อนไขนี้ เลือกกี่ทีเพื่อไทยก็ชนะ ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ไม่ใช่ตัวเลือกของคนในภาวะการเมืองแบบนี้ ไอ้ที่วิเคราะห์กันไป ทหารคิดจะสืบทอดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ทหาร จะตั้งพรรคเสียเอง ไม่เชื่อ พล.อ. ประยุทธ์จะคิดสั้นตั้งพรรคทหาร บทเรียนในอดีตมันมี พรรคสามัคคีธรรมสมัย รสช. ช่วงพฤษภาทมิฬเป็นยังไง ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ยุคนี้คงไม่คิดอะไรง่ายๆ แบบนั้น"

 

มาถึงวันนี้คงไม่ง่ายอย่างที่ ร.ต.อ.เฉลิมได้กล่าวไว้อีกต่อไป.....

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีการเปิดเผยผลสำรวจ “อีสานโพล” ของศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน คณะเศรษฐ ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในหัวข้อเรื่องคนอีสานกับการเลือกตั้ง เป็นข่าวเกรียวกราวบนหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ พาดหัวดีใจใหญ่โต " เรตติ้งเพื่อไทยยังนำมาเป็นที่ 1 " ความที่ภาคอีสาน เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ และมีจำนวนที่นั่งส.ส.มากที่สุด ดังนั้นจึงเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจ โดยมีผลสำคัญต่อผลการเลือกตั้งโดยรวม คนอีสานคิดอย่างไรกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงจึงต้องจับตา!

 

โดยเฉพาะ กับคำถามที่ว่า"จะสนับสนุนพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า" พบว่า

อันดับหนึ่ง ร้อยละ 39.7 สนับสนุนพรรคเพื่อไทย 

รองลงมา ร้อยละ 26.9 เป็นกลุ่มรอพรรคทางเลือกอื่นๆ หรือยังไม่ตัดสินใจ เลือกพรรคใด

ตามมาด้วย ร้อยละ 10.4 สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ 

ร้อยละ 6.6 สนับสนุนพรรคที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 

ร้อยละ 3.4 สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย 

ร้อยละ 0.9 สนับสนุนพรรคชาติไทยพัฒนา 

ร้อยละ 0.7 สนับสนุนพรรคชาติพัฒนา และพรรคพลังพลเมือง

ขณะที่ ร้อยละ 10.7 จะไม่ไปเลือกตั้งหรือไม่เลือกพรรคใด

 

ในข้อเท็จจริง แม้พรรคเพื่อไทย จะได้รับความนิยมในภาคอีสานมาแรกเป็นอันดับ1 มากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้พรรคที่แสดงจุดยืนประกาศหนุนพล.อ.ประยุทธ์ แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคะแนนนิยมที่ผ่านแล้วนั้น เรียกได้ว่าลดลง หายฮวบไปเกือบครึ่ง ซึ่งเรื่องนี้มีนัยยะสำคัญแน่นอน

 

จากผลการเลือกตั้ง ในปี2554 อย่างเป็นทางการ  พบส.ส แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ในภาคอีสาน มีทั้ง126 ที่นั่ง

พรรคเพื่อไทย ได้ไป 104 ที่นั่ง คิดเป็น ร้อยละ 82.5

พรรคประชาธิปัตย์ ได้ไป 4 ที่นั่ง คิดเป็น ร้อยละ 3.2

พรรคภูมิใจไทย ได้ไป 13 ที่นั่ง คิดเป็น ร้อยละ 10.3

พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ไป 1 ที่นั่ง คิดเป็น ร้อยละ0.8

และพรรคชาตพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ได้ไป 4 ที่นั่ง คิดเป็น ร้อยละ 3.2

 

เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีใจ หรือดีใจเท่าไหร่นักของพลพรรคเพื่อไทย หากลองนำตัวเลข ร้อยละ 39.7 จากผลสำรวจของอีสานโพล  มาคิดกลับกันคำนวนหา ที่นั่งที่คาดว่าจะได้ ปรากฏว่า พรรคเพื่อไทย อาจจะเหลือเก้าอี้ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสาน เพียง50 เก้าอี้ เท่านั้น หายไปถึง54เก้าอี้เลยที่เดียว!! ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้ว่าประชาชนเบื่อหน่ายระบบทักษิณ คนที่รัก ชื่นชมพรรคเพื่อไทยลดหายไปจนรู้สึกได้ และนี่คือลางร้าย หายนะแรก ที่กำลังมาเยือน พรรคเพื่อไทย !!!