แค่หนี้ก็ปลดหนี้ได้!! ชาวนาอุดรฯ แนะวิธีปลดหนี้ หลังสู่ต้นทุนปลูกข้าวไม่ไหว หันมาปลูกพืชใช้น้ำน้อย สร้างรายได้อย่างงาม (คลิป)

วันที่19กุมภาพันธ์ 61 เวลา13.00 น. ที่บ้านกุดลิงง้อ ตำบลนาดี อ.เมืองอุดรธานี  สองผัวเมีย ชาวนา คือนายเล็ก  ดิลกโสภรณ์  อายุ60ปี  และนางวิมลพร  ดิลกโสภรณ์    อายุ56ปี  หลังจากทำนาปี จำนวน14ไร่ แล้วใช้พื้นที่ จำนวน4 ไร่ ทำการปลูกฟักเขียวและบวบ ซึ่งเป็นพืชใช้น้ำน้อย สร้างรายได้อย่างงาม โดยจะมีพ่อค้าและแม่ค้า มารับซื้อถึงในสวน แล้วนำไปจำหน่ายต่อ ตลาดอุดรเมืองทอง ตลาดกลางค้าส่งผักผลไม้รายใหญ่ของจังหวัดอุดรธานี และในภูมิภาคอีสานตอนบนตลาดสดผลไม้ขายส่ง ตลาดเมืองอุดร

นางวิมลพร  ดิลกโสภรณ์   เปิดเผยว่า หลังจากทำนาปีแล้ว ตนกับสามี จะมาปรับพื้นที่ปลูกพืชอย่างอื่นแทน เนื่องจากปัจจุบัน ราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งตนปลูกข้าวทำนาปี ได้ข้าว200 ถุง   โดยเก็บไว้กิน จำนวน50 ถุง แล้วเอาข้าวเปลือกไป จำนวน150 ถุง ขายได้เงิน เพียง 12,000 บาท แต่ต้นทุนในการปลูกข้าวสูง เป็น เงิน20,000 บาท วอนภาครัฐ แก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำให้ด้วย ซึ่งปีนี้จึงไม่ปลูกข้าวทำนาปรัง

 

โดยตนได้หันมาปลูกฟักเขียวกับบวบ แทนปลูกข้าวนาปรัง เพราะเป็นพืชใช้น้ำน้อย ดูแลง่าย ลงทุนไม่เกิน2,000 บาท ทั้งฟักเขียวและบวบ ดูแลง่าย จะมารดน้ำและใส่ปุ๋ย สัปดาห์ละ2 ครั้ง เท่านั้นเอง ใช้เวลาปลูก เพียง 4 เดือน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้ ซึ่งจะนำฟักเขียวบรรจุใส่ถุงละ 12 กิโลกรัม พ่อค้าและแม่ค้า มารับซื้อในราคา ถุงละ120 บาท จะเก็บฟักเขียว สัปดาห์ละ1 ครั้ง  ได้ฟักเขียว จำนวน 200-300 กิโลกรัม หรือ ได้เงินครั้งละ2,500-3,000 บาท       

 

 

 

 

 

ส่วนบวบจะมาเก็บผลผลิต สัปดาห์ละ 4 ครั้ง จะได้แต่ละ จำนวน 100 กิโลกรัม  ซึ่งจะนำบวบใส่ถุงละ 5 กิโลกรัม โดยพ่อค้าแม่ค้า มารับซื้อในราคาถุงละ40 บาท โดยจะได้เงิน 1,600 บาท ต่อสัปดาห์  นอกจากนี้ตนก็ปลูกพืชผักสวนครัว ผักบุ้ง ขึ้นฉ่าย และผักบุ้ง เอาไว้กินและขายให้ชาวบ้านในพื้นที่บ้าง   โดยปัจจุบันได้ดำเนินชีวิตด้วยวิถีชีวิตพอเพียง ไม่มีหนี้  และไม่กู้เงินมาลงทุน ซึ่งจะใช้เพียงเงินทุนหมุนเวียนจากการขายผลผลิต ที่ตนเองปลูกทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะไม่รวย แต่ถือว่าอยู่ได้อย่างสบาย ดังกล่าว

 

ภาพ/ข่าว กฤษดา จันทร์ดวง ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.อุดรธานี