ลางร้าย..หายนะ "เพื่อไทย"เลือกตั้งครั้งหน้า แพแตก กลุ่ม ส.ส. ทยอยออก จัดตั้งพรรคใหม่?

ลางร้าย..หายนะ "เพื่อไทย"เลือกตั้งครั้งหน้า แพแตก กลุ่มส.ส. ทยอยออก จัดตั้งพรรคใหม่?

หากจะวิเคราะห์ถึงอนาคตของพรรคเพื่อไทย หลังจากที่ปรากฏภาพ 2 พี่น้องตระกูลชินวัตร ผู้ต้องหาหนีคดี  หลายคนอาจมองว่าอนาคตนับจากนี้ไปของพรรคเพื่อไทยจะไปในทิศทางไหน และถึงเวลาที่จะล่มสลายของพรรคเพื่อไทย แล้วหรือไม่นั้น เพราะในวิกฤต "พรรคไร้หัว"หาความชัดเจน จุดยื่นที่เอาแน่เอานอนไม่ค่อยได้ พรรคเพื่อไทยภายใต้การบงการของนายใหญ่ในต่างแดนกำลังมาถึงช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจครั้งสำคัญ  เพื่อหาบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นทายาทผู้นำหุ่นเชิดทางการเมืองของตระกูลชิน

  นักการเมืองในค่ายเพื่อไทย คงคิดได้ว่าการอยู่ในอาณัติ" ทักษิณ"  ต่อไปจะนำไปสู่หายนะทั้งทางการเมืองและชีวิตปกติของตน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการย้ายค่ายย้ายรังใหม่ เกิดการล่มสลายของ “ระบอบทักษิณ” และ “แพแตก” ของพรรคเพื่อไทยแน่นอน จากสภาพไร้หัวและความนิยมที่ลดลงของพรรคเพื่อไทย  ทำให้อดีตสส.ในมุ้ง เริ่มสะกดอาการไม่อยู่ ตีตัวออกหา สละเแพเพื่อไทยไปกันเป็นทิวแถว 

อย่างเช่นรายล่าสุด นายเอกพร รักความสุข อดีต ส.ส.สกลนคร และแกนนำจัดตั้งพรรค “พรรคพลังพลเมือง” เปิดเผย เกี่ยวกับความพร้อมในการยื่นจดทะเบียนจัดตั้งพรรค อย่างเป็นทางการ กับกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ คสช. อนุญาติให้ดำเนินการได้ ในวันที่ 1 มี.ค.นี้ เป็นต้นไป ว่า จากการเข้ารับฟังคำชี้แจงของ กกต. เมื่อสัปดาห์ก่อน และการศึกษาข้อมูลรายละเอียดรวมถึงกฏหมายใหม่ แล้ว และขณะนี้ได้ยกร่างคำขอจดแจ้งเรียบร้อยแล้ว
รวมถึงสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งพรรคก็มีความพร้อมแล้ว โดยจะนัดแกนนำเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งในสัปดาห์หน้า พร้อมย้ำไม่ได้เป็นนอมินีของใคร

อย่างไรก็ตาม นายเอกพร ยังกล่าวด้วยว่า ในส่วนของชื่อพรรค จากการศึกษาข้อมูลพบว่า ชื่อพรรคพลังพลเมือง เคยมีบุคคลขอจดไปแล้ว และทางพรรคจะมีการเปลี่ยนชื่อเป็น “พรรคพลังพลเมืองไทย” ส่วนหัวหน้าพรรคในช่วงแรกจะเป็น นายสัมพันธ์ เลิศนุวัตร และตนเอง จะทำหน้าที่เลขาธิการพรรค

แต่ที่ต้องวิเคราะห์กันมากกว่านั้นคือจะได้ประโยชน์กับพรรคการเมืองใหม่ ที่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่ และพรรคการเมืองใหม่นั้นจะมีบทบาทในการผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี รอบ 2 หลังการเลือกตั้งหรือไม่ จากการสำรวจของอีสานโพล

โดยเฉพาะ กับคำถามที่ว่า"จะสนับสนุนพรรคการเมืองในการเลือกตั้งครั้งหน้า" พบว่า
อันดับหนึ่ง ร้อยละ 39.7 สนับสนุนพรรคเพื่อไทย 
รองลงมา ร้อยละ 26.9 เป็นกลุ่มรอพรรคทางเลือกอื่นๆ หรือยังไม่ตัดสินใจ เลือกพรรคใด
ตามมาด้วย ร้อยละ 10.4 สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ 
ร้อยละ 6.6 สนับสนุนพรรคที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 
ร้อยละ 3.4 สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย 
ร้อยละ 0.9 สนับสนุนพรรคชาติไทยพัฒนา 
ร้อยละ 0.7 สนับสนุนพรรคชาติพัฒนา และพรรคพลังพลเมือง
ขณะที่ ร้อยละ 10.7 จะไม่ไปเลือกตั้งหรือไม่เลือกพรรคใด


 มีกลุ่มคนที่ยังไม่ตัดสิน ถึง 26.9 % เป็นกลุ่มรอพรรคทางเลือกอื่นๆ หรือยังไม่ตัดสินใจ เลือกพรรคใด ตามมาด้วย  และมีกลุ่มที่ประกาศตัวให้การสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์อีก 6.6% ตามที่รายงานไป ซึ่งเมื่อรวมกันแล้ว จะได้ผลลัพธ์สูงถึง33.5%

     และนี่คือลางร้าย ที่กำลังมาเยือน พรรคเพื่อไทย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ฟันธงไว้ตรงนี้เลยว่า พรรคเพื่อไทย คงไม่มีวันแยกขาดกันโดย เด็ดขาด เพราะถ้าไม่มีทักษิณก็คงไม่มีพรรคเพื่อไทย!!