คนไทยเห็นด้วยหรือไม!!? "อาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง"พูดโคตรเห็นภาพ เรื่องนี้ทั้งหมดใครเป็นคนผิด หรือเป็นที่รัฐไทยราชการไทยที่แก้ปัญหาอะไรๆไม่ได้

วันที่ 20 ก.พ. 2561 หน้าบ้านเลขที่ 37/208 ถนนทางเข้าสวนหลวง ร.9 ซ.ศรีนครินทร์ 55 น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ และ น.ส.ราณี แสงหยกตระการ ผู้ปรากฏให้คลิปใช้ขวานใช้เสียมทุบตีรถกระบะของน.ส.รชนิกร เลิศวาสนา เนื่องจากน.ส.รชนิกรไปจอดรถขวางหน้าประตูเข้า-ออก พร้อมทั้งล็อคเบรคมือไว้ทำให้ น.ส.รัตนฉัตรและน.ส.ราณี ออกจากบ้านไม่ได้และบีบแตรเรียกเป็นเวลานานจนบันดาลโทสะ

คนไทยเห็นด้วยหรือไม!!? "อาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง"พูดโคตรเห็นภาพ เรื่องนี้ทั้งหมดใครเป็นคนผิด หรือเป็นที่รัฐไทยราชการไทยแก้ปัญหาอะไรๆไม่ได้

คนไทยเห็นด้วยหรือไม!!? "อาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง"พูดโคตรเห็นภาพ เรื่องนี้ทั้งหมดใครเป็นคนผิด หรือเป็นที่รัฐไทยราชการไทยแก้ปัญหาอะไรๆไม่ได้

สำหรับเรื่องความผิดของทั้ง2นั้น พ.ต.อ.อลงกรณ์ ศิริสงคราม ผกก.สน.ประเวศ พร้อมด้วย ร.ต.ท.ศิริพงษ์ วรรณสัมผัส พงส.สน.ประเวศ เผยเมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2561 ว่า ได้นำหมายเรียกไปติดที่หน้าบ้านเลขที่ 37/208 ซ.ศรีนครินทร์ 55 แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ โดยเป็นที่เกิดเหตุซึ่งคาดว่าผู้ก่อเหตุพักอาศัยอยู่ โดยได้ออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ให้ น.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ อายุ 61 ปี และน.ส.ราณี แสงหยกตระการ อายุ 57 ปี มาพบพนักงานสอบสวนสน.ประเวศ ในวันจันทร์ที่ 26 ก.พ. เวลา 13.00 น. ในข้อหาร่วมกันทำให้เสียทรัพย์และข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว และพกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือโดยไม่มีเหตุอันควร นอกจากนี้จะส่งหมายเรียกไปยังภูมิลำเนาซึ่งตามทะเบียนบ้านระบุว่าอยู่ในย่าน ซ.สุขุมวิท พื้นที่กรุงเทพฯ อีกทางหนึ่งด้วย

คนไทยเห็นด้วยหรือไม!!? "อาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง"พูดโคตรเห็นภาพ เรื่องนี้ทั้งหมดใครเป็นคนผิด หรือเป็นที่รัฐไทยราชการไทยแก้ปัญหาอะไรๆไม่ได้

ล่าสุดเจ้าของบ้านทั้ง 2 ได้เปิดบ้านแถลงข่าวเคลียร์ทุกประเด็นคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น และในตอนหนึ่งมีการพูดถึงกรณีข่าวว่าเจ้าของบ้านทั้ง2เคยเสียคุณพ่อไปเพราะอาการกำเริบแล้วออกจากบ้านไม่ได้นั้นจริงๆเป็นเรื่องของเพื่อนบ้านไม่ใช่เรื่องของครอบครัวตน เพื่อนบ้านถึงขั้นลงไปกราบขอทางเพื่อให้รถเข้า-ออกได้ 

แต่ของครอบครัวตนนั้นเป็นเรื่องของคุณแม่ โดยคุณแม่ไม่สบายเป็นโรคประจำตัวซึ่งมีปัญหาเกี่ยวกับปอด ด้วยปัญหาที่พบเจอจากการเข้า-ออกบ้านลำบากทำให้ต้องตัดสินใจพาคุณแม่ไปอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลาหลายเดือน แต่ปัจจุบันคุณแม่ได้เสียชีวิตไปแล้ว

คนไทยเห็นด้วยหรือไม!!? "อาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง"พูดโคตรเห็นภาพ เรื่องนี้ทั้งหมดใครเป็นคนผิด หรือเป็นที่รัฐไทยราชการไทยแก้ปัญหาอะไรๆไม่ได้

ส่วนของครอบครัวตนนั้นเป็นเรื่องคุณแม่ที่มีโรคประจำตัวต้องเข้าๆออกๆโรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้งแต่ก็เดือดร้อนเพราะมักจะมีรถจอดขวางทาง ยืนยันว่า"เรื่องคุณพ่อเสียชีวิตคาบ้านนั้นไม่เป็นความจริงไม่ใช่เรื่องที่เกิดกับครอบครัวตนแต่เป็นเรื่องของเพื่อนบ้าน ไม่ทราบว่าใครไปให้ข่าวแบบนั้น แต่อย่างไรก็ยืนยันว่าหลายครอบครัวในหมู่บ้านเคยพบเจอปัญหาเดียวกันบ่อยครั้ง"

คนไทยเห็นด้วยหรือไม!!? "อาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง"พูดโคตรเห็นภาพ เรื่องนี้ทั้งหมดใครเป็นคนผิด หรือเป็นที่รัฐไทยราชการไทยแก้ปัญหาอะไรๆไม่ได้

คนไทยเห็นด้วยหรือไม!!? "อาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง"พูดโคตรเห็นภาพ เรื่องนี้ทั้งหมดใครเป็นคนผิด หรือเป็นที่รัฐไทยราชการไทยแก้ปัญหาอะไรๆไม่ได้

นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวอีกคนที่มาร่วมแถลงข่าวด้วยเล่าว่าปัญหาที่เคยเจอมากับตัวคือตอนนั้นเกิดอุบัติเหตุขาหัก เรียกรถพยาบาลแล้วแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วแต่ไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้เพราะรถจอดขวางทางทำให้รถเข้า-ออกไม่ได้ และผู้สูงอายุหลายๆคนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านก็เดือดร้อนจากปัญหาเดียวกัน 

.

.

ล่าสุดผู้ใช้เฟซบุ๊ํก "สุพจน์ ราชภักดี" ได้โพสต์ข้อความและเนื้อหาดังนี้

นี่คือภาพเก่าๆที่ทำให้คุณป้าต้องทำแบบนี้ ดูแล้วเข้าใจเจ้าของบ้าน และคนเดินฟุตบาทเลย

คนไทยเห็นด้วยหรือไม!!? "อาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง"พูดโคตรเห็นภาพ เรื่องนี้ทั้งหมดใครเป็นคนผิด หรือเป็นที่รัฐไทยราชการไทยแก้ปัญหาอะไรๆไม่ได้

 

คนไทยเห็นด้วยหรือไม!!? "อาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง"พูดโคตรเห็นภาพ เรื่องนี้ทั้งหมดใครเป็นคนผิด หรือเป็นที่รัฐไทยราชการไทยแก้ปัญหาอะไรๆไม่ได้

 

คนไทยเห็นด้วยหรือไม!!? "อาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง"พูดโคตรเห็นภาพ เรื่องนี้ทั้งหมดใครเป็นคนผิด หรือเป็นที่รัฐไทยราชการไทยแก้ปัญหาอะไรๆไม่ได้

 

คนไทยเห็นด้วยหรือไม!!? "อาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง"พูดโคตรเห็นภาพ เรื่องนี้ทั้งหมดใครเป็นคนผิด หรือเป็นที่รัฐไทยราชการไทยแก้ปัญหาอะไรๆไม่ได้

 

คนไทยเห็นด้วยหรือไม!!? "อาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง"พูดโคตรเห็นภาพ เรื่องนี้ทั้งหมดใครเป็นคนผิด หรือเป็นที่รัฐไทยราชการไทยแก้ปัญหาอะไรๆไม่ได้

 

คนไทยเห็นด้วยหรือไม!!? "อาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง"พูดโคตรเห็นภาพ เรื่องนี้ทั้งหมดใครเป็นคนผิด หรือเป็นที่รัฐไทยราชการไทยแก้ปัญหาอะไรๆไม่ได้

ล่าสุดนั้น ผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Theerapat Charoensuk" ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า

#มิตรสหายอาจารย์กฎหมายท่านหนึ่ง

เรื่องป้าทุบรถแอบสะท้อนและสอนให้รู้ว่า

1) วัฒนธรรม ยอมๆ ไปเถอะ ละเมิดสิทธินิดๆหน่อยๆ มันจะอะไรนักหนา ยังคงฝังแน่นในกมลของคนไทยจำนวนไม่น้อย ตราบใดที่ตัวเองไม่โดนละเมิดสิทธิตรงๆ (อันนี้สำหรับคนเข้าข้างหญิงขับรถกระบะ หรือพวกมนุษย์พันธุ์ #คนไทยหรือเปล่า #ไมไม่มีน้ำใจเลย) ซึ่งในท้ายที่สุด มันก็จะถูกขยับ ถูกล้ำเส้นเข้าไปเรื่อยๆ อย่างการยอมรัฐประหารนั่นแหละ

2) รัฐไทย ราชการไทย แก้ปัญหาอะไรๆ ไม่ได้จริง ยิ่งอยู่ใต้ตีนผู้มีอิทธิพล ยิ่งไม่ต้องหวัง สุดท้ายก็จบลงที่ ประชาชนต้องไปปะทะ ขัดแย้งกันเอาเอง (อันนี้กรณีตลาดผุดขึ้นในโซนที่อยู่อาศัยรอบบ้านป้า โดยไม่มีใบอนุญาตตั้งแต่ 2009 โดยหน่วยราชการที่รับผิดชอบ ทำอะไรไม่ได้เลย)

3) สืบเนื่องจากข้อ 2 เป็นผลทำให้ปชช.ที่ได้รับผลกระทบตรงๆ ต้องดิ้นรนเองทุกวิถีทาง ทั้งฟ้องศาลก็แล้ว แจ้งความก็แล้ว อดทนต่อการถูกละเมิดสิทธิซ้ำซากก็แล้ว ฯลฯ แต่การละเมิดสิทธิเหล่านั้นก็ยังคงดำรงอยู่ จนวันดีคืนดีก็ต้องลุกขึ้นระเบิดอารมณ์ เพราะหมดสิ้นหนทาง จบลงที่ ตัวเองตกเป็นฝ่ายผิด ถูกดำเนินคดี ถูกประณามจากคนบางกลุ่ม พฤติกรรมเข้าตีนคนบางพวก สมประโยชน์ฝ่ายตรงข้าม ฯลฯ หากจำกันได้เหตุแบบนี้ไม่ได้มีแค่ กรณีป้า แต่เคยมีสาวทุบรถประท้วงกรมคุ้มครองผู้บริโภคออกสื่อก็มีมาแล้ว เพราะร้องเรียนเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล และอื่นๆ อีกมากมาย #บางครั้งบางจังหวะก็อาจไม่สามารถจินตนาการได้ว่าฉันจะไปวิ่งในทุ่งลาเวนเดอร์ก่อนกลับมาจัดการมัน

4) ในสังคมไทย (จริงแล้วก็คงทุกสังคม) คนรวยๆ ที่โอเคหน่อย พยายามที่สุดแล้วก็ยังพอมีอยู่ (สังเกตดีๆ ในคลิปและภาพ บ้านหลังนี้ไม่ตั้งกรวย กระถาง เก้าอี้พลาสติก หรือ ขวดน้ำไว้บนถนนหน้าบ้านจนกีดขวางทางจราจร เหมือนพวกร้านค้าริมถนนที่เราเห็นจนเจนตา ด้วยซ้ำ) ในขณะที่คนทำมาหากินที่คอยแต่จะอ้างความลำบากทุกข์ยากของตัวเพื่อละเมิดสิทธิคนอื่นก็มีไม่น้อยเหมือนกัน (เคยเจอบ้างไหม จอดรถเข็นกินถนนไปหนึ่งเลนใต้ไฟแดง และอยู่บนทางม้าลาย หรือไม่ก็จอดรถซาเล๋งขวางถนนลงไปเก็บของเก่า ฯลฯ) #แม่ค้าพ่อขายในตลาดใหญ่ๆหลายแห่งก็เช่นกัน ก็พวกชั้นล้วนต้องทำมาหากิน #แกรวยแล้วนี่ทั้งที่ไม่ต้องทำอะไร?

5) ขอเข้าประเด็นตามข้อเท็จจริงนิด เรื่องนี้บางคนอาจสงสัยว่า ป้าทุบรถอ้างบันดาลโทสะเพื่อลดโทษบ้างได้ไหม ? เพราะเหตุแค่นี้ไม่น่าจะทำให้หัวร้อนขนาดทำลายทรัพย์สินคู่กรณีได้ ดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเลย แต่คำตอบก็คือ ถ้าเรื่องนี้ถึงโรงถึงศาลจริง อาจจำเป็นต้องหยิบยกหลัก “Cumulative provocation” หรือ “บันดาลโทสะด้วยเหตุที่สะสมมา” หรือ ทฤษฎีฟางเส้นสุดท้าย มาพิจารณาได้ ตัวอย่างเทียบ เช่น โดนตบมาตลอดสองปี ทำอะไรไม่ได้ พอเข้าปีที่สามโดนตบแค่อีกหนึ่งที ฆ่าคนตบเลย ..อันนี้มีเรื่องให้ต้องคิดอยู่เหมือนกัน

6) สรุป โดยส่วนตัวนะฮะ เห็นว่าเหตุการณ์นี้ทุกฝ่ายผิดหมด แน่นอน หญิงขับรถจอดหน้าบ้านคนอื่น (จอดรถปิดทางเข้าออกบ้านใครไม่ว่าเขาจะรวยหรือจน ก็ต้องนับว่ามักง่าย ไร้สำนึกทั้งนั้น) ป้าทุบรถ พ่อค้าแม่ขายในตลาด เจ้าของตลาด แต่ที่ต้องถูกตั้งคำถาม หรือถามหาความรับผิดชอบมากที่สุด คือ หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง กับกรณีที่สร้างและสะสมปัญหาระหว่างประชาชนจนยืดเยื้อยาวนานมาขนาดนี้ #อย่าปล่อยให้พวกเขาลอยนวล

 

Cr.สุพจน์ ราชภักดี  /  Theerapat Charoensuk