ถ้าผิดยอมติดคุก ! วอนสังคมอย่าด่วนตัดสิน ที่ไม่ออกมาโต้กลัวผิดรูปคดี ลั่นโดนโจมตีไม่ใช่ "เจ้าของลอตเตอรี่" จนตกเป็นจำเลยของสังคม!?

  ตัวแทนครูเข้าให้กำลังใจครูปรีชา ขณะตัวครูเผยพร้อมรับผลการสรุปคดีของตำรวจกองปราบ
ตัวแทนอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เดินทางเข้าให้กำลังใจครูปรีชา หลังพบถูกสังคมรุมต่อว่าจากกรณีหวย30ล้าน ด้านตัวครูเผยพร้อมยอมรับในผลการสรุปคดีของตำรวจกองปราบไม่ว่าจะออกมาในแนวทางไหน แต่สุดท้ายคงต้องให้ศาลเป็นผู้ตัดสิน
ความคืบหน้า กรณีการแย่งชิงสิทธิ์ครอบครองล๊อตเตอรี่30ล้านบาท หลังเมื่อวานมีกระแสข่าวว่าตำรวจกองปราบสรุปคดี ว่าล๊อตเตอรี่30ล้านบาทเป็นของร้อยตำรวจโทจรูญและเตรียมออกหมายจับครูปรีชาพร้อมผู้ดเกี่ยวข้อง ก่อนที่ในเวลาต่อมา ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จะออกมาชี้แจงว่า ยังไม่มีการสรุปคดีและจะยังไม่มีการออกหมายจับใครในขณะนี้ ทำให้ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 นาฬิกา ที่โรงเรียนเทพมงคลรังษี ครูปรีชา ใคร่ครวญ ได้เปิดห้องให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยมีนายไพฑูรย์ นามเมือง และ นายชลิต โพธิพันธ์ อดีตตัวแทนอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เดินทางมาให้กำลังใจกับครูปรีชา พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ที่เดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อเป็นตัวแทนข้าราชการครูส่วนหนึ่งส่งกำลังใจให้กับครูปรีชา  

า เพราะที่ผ่านมา ครูปรีชาถูกฝ่ายตรงข้ามให้ข่าวในเชิงลบต่อสื่อมวลชนมาโดยตลอด ทำให้ครูถูกมองในภาพลักษณ์ที่ไม่ดี กลายเป็นตัวร้ายของสังคม แถมยังถูกนำไปเปรียบเทียบกับเรื่องคดีของครูจอมทรัพย์ ถือเป็นการทำลายภาพพจน์ของอาชีพครูที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติ ที่ผ่านมา พวกตนมีการติดตามข่าวสารคดีนี้อย่างใกล้ชิดและมีการสอบถามข้อมูลมายังผู้แทนครูในจังหวัดกาญจนบุรี ทำให้ทราบว่า การที่ครูปรีชา ไม่ยอมตอบโต้คู่กรณีหรือนำหลักฐานที่มีมาให้กับสื่อ นั่นเป็นเพราะเกรงว่าจะเสียรูปคดีและทำให้ฝ่ายตรงข้ามล่วงรู้หลักฐานของตนเองและจะมีผลต่อการต่อสู้คดีในชั้นศาล ดังนั้น ตนทั้งสองคนจึงเป็นตัวแทนของข้าราชการครูในประเทศไทยส่วนหนึ่งที่มีความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจในครูปรีชา จึงเดินทางมาร่วมให้กำลังใจและอยากวิงวอนผ่านสื่อ ให้ช่วยเสนอข่าวตามความเป็นจริงและให้ความเป็นธรรมกับครูปรีชาด้วย ขณะที่ทางครูปรีชา ใคร่ครวญ ได้กล่าวว่า ตนถูกให้ร้ายและทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมา ผ่านการนำเสนอข่าวและข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงของสื่อบางแขนง ทำให้ตนกลายเป็นผู้ร้ายและถูกต่อว่า รุมประณามจากผู้คนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโลกออนไลน์ ที่มีผู้เข้ามาคอมเม้นท์ด่าว่าตนจำนวนมาก ทั้งที่ผลการสืบสวนคดีของตำรวจกองปราบยังไม่เสร็จสิ้น แต่กลับมีการนำเสนอข่าวว่า ตนเป็นฝ่ายผิดและกำลังจะถูกออกหมายจับ ทำให้ตนตกเป็นจำเลยของสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

 ซึ่งในส่วนนี้ ตนได้มีการปรึกษากับทีมทนาย ถึงการดำเนินคดีกับสื่อบางแขนง ที่สร้างความเสียหายให้กับตนเองและเสนอข่าวบิดเบือนไม่เป็นกลาง ซึ่งเรื่องที่ผ่านมา ตนขอให้อภัย แต่หากยังมีการนำเสนอข่าวเช่นนี้อีก ก็จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างแน่นอน ส่วนในเรื่องของการสืบสวนคดีของตำรวจกองปราบนั้น ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ตนก็พร้อมยอมรับได้ เพียงแต่อยากวอนประชาชนที่ติดตามข่าว อย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใครถูกใครผิด เพราะเรื่องนี้ หากตนเป็นฝ่ายถูกขึ้นมา คนที่เข้ามาด่า เข้ามาคอมเม้นท์ก็คงไม่มีใครออกมาขอโทษตน แต่หากตนผิดตนก็พร้อมที่จะยอมรับ ส่วนที่มีการตั้งคำถามว่า ฝ่ายตนเองมีแต่พยานบุคคลที่จะใช้ต่อสู้ในชั้นศาลนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนมีพยานและหลักฐานหลายอย่างที่จะใช้ในการต่อสู้ แต่ที่ไม่นำเสนอต่อสื่อมวลชนเพราะไม่อยากให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ข้อมูลของตนที่จะใช้ในชั้นศาล ทั้งนี้ แม้ตำรวจกองปราบจะสรุปผลออกมาอย่างไร ตนก็ยินดียอมรับ แต่เชื่อว่าคดีนี้ ยังไงก็คงต้องไปต่อสู้กันต่อในชั้นศาล ซึ่งหากถึงตอนนั้นศาลตัดสินว่าตนผิด ตนก็ต้องยอมรับและคงต้องเข้าไปอยู่ในคุก แต่หากตนไม่ผิดก็ต้องมีอีกคนที่จะต้องติดคุก คดีนี้ยังไงก็คงมีฝ่ายหนึ่งที่ต้องติดคุกแน่นอน แต่ตนอยากจะให้รอผลการตัดสินก่อนที่จะมีการมาต่อว่าหรือวิพากษ์วิจารณ์ใดๆต่อไป

ข่าว/ภาพ วันชัย แก้ววิลัย  ข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ กาญจนบุรี