แพทย์เตือนภัย!!! อย่าล้างแผลที่ก๊อกน้ำหรือฝักบัว ถ้าไม่อยากเสี่ยงติดเชื้อโรคที่บอกเลยว่ารักษายากมาก

วานนี้ (21-02-61) นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ โพสต์เตือน หลายคนที่ชอบเผลอล้างแผลที่ก๊อกน้ำหรือฝักบัว ให้ระวัง อาจมีโอกาสรับเชื้อมัยโคแบคทีเรียมชนิดโตไว ชี้รักษายาก-แถมค่ายาแพงด้วย ทำให้โลกออนไลน์ต่างให้ความสนใจในประเด็นดังกล่าวเป็นอย่างมาก

 

 

 

โดยนายแพทย์มนูญ ได้เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการติดเชื้อโรคที่รักษายากชื่อว่า เชื้อมัยโคแบคทีเรียมชนิดโตไว (rapidly growing mycobacterium) ชื่อ Mycobacterium abscessus ที่อาศัยบริเวณก๊อกน้ำ หรือฝักบัวได้ หากคนคนนั้นมีบาดแผลสดไม่ว่าส่วนไหนของร่างกายก็ตาม ซึ่งตัวอย่างของเคสนี้เกิดจากคนไข้ประจำตัวของแพทย์มนูญเอง

 

 

 

 

โดยเจ้าของเฟซบุ๊กหมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC ได้โพสข้อความว่า "ระวัง! ถ้ามีแผลสดไม่ว่าส่วนไหนของร่างกาย อย่าถูกน้ำก๊อกหรือน้ำจากฝักบัว เพราะอาจรับเชื้อโรคที่รักษายาก ผู้ป่วยหญิงไทยหลังจากฉีดฟิลเลอร์ที่ใบหน้า 1 ชั่วโมง รู้สึกแสบจึงเปิดน้ำก๊อกล้างหน้า 3 สัปดาห์หลังจากนั้นผิวหนังบวมแดง มีตุ่มฝีขึ้นที่บริเวณฉีดฟิลเล่อร์(ดูรูป) กินยาปฏิชีวนะธรรมดาไม่ดีขึ้น กลับแย่ลง ดูดหนองจากฝีพบเชื้อมัยโคแบคทีเรียมชนิดโตไว ( rapidly growing mycobacterium ) ชื่อ Mycobacterium abscessus ต้องระบายหนองคู่ไปกับการใช้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีดถึง 2 ขนานและยากิน 1 ขนาน ซึ่งมีราคาแพงมากนานถึง 2 เดือนกว่าแผลจะหาย  มีคนไข้บางรายที่ติดเชื้อชนิดนี้บริเวณแผลที่ผิวหนังหลังจากฉีดยาอินซูลิน ฉีดโบท็อกซ์ จากการฝังเข็มและบริเวณแผลผ่าตัดทุกชนิด รวมทั้งบาดแผลที่เกิดจากอุบัติเหตุ  เชื้อมัยโคแบคทีเรียมชนิดนี้เป็นเชื้อโรคอยู่ในสิ่งแวดล้อม ไม่ติดต่อระหว่างคนสู่คน ชอบอาศัยอยู่ตามหัวก๊อกน้ำและหัวฝักบัว เวลาเราเปิดน้ำ น้ำจะนำเชื้อโรคที่เกาะอยู่กับหัวก๊อกสู่ตัวเรา ถ้าเราไม่มีแผลตามตัว ก็ไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าเรามีแผล เชื้อโรคก็จะเข้าแผลของเรา ทำให้เกิดเป็นฝี เชื้อนี้จะดื้อต่อยาปฏิชีวนะหลายตัว รักษายากมาก  ทางที่ดีต้องป้องกัน เมื่อไหร่มีแผล อย่าให้แผลโดนน้ำ ใช้พลาสเตอร์กันน้ำปิดแผลก่อนถูกน้ำทุกครั้ง" เมื่อรู้อย่างนี้แล้วต่อไปอย่าประมาทและคิดว่าเป็นเพียงแผลเล็กน้อย เพราะนั้นอาจนำไปสู่การติดเชื้อที่รักษาได้ยาก ทั้งเจ็บตัวและเสียเงินโดยใช่เหตุอีกด้วย

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC