บอกเลยคาใจมาก!! "นิพิฐ" งัดหลักฐานเด็ด ฟ้องปปช.เอาผิด "สุภา" ไม่เป็นธรรม? ละเลยสอบสินบนปาล์มอินโดฯ!?? (รายละเอียด)

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

บานปลายหาจุดลงตัวยากจริง ๆ สำหรับคดีฟ้องร้องเรื่องการทุจริตโครงการปาล์มอินโดนีเซีย  โดยเฉพาะกับฝ่ายผู้เสียหายอย่าง   นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี จำกัด (PTTGE) ซึ่งล่าสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสาวสุภา ปิยะจิตติ   กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ในข้อหาหรือฐานความผิด เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา  รวมถึงยังใช้ช่องทางร้องขอความเป็นธรรมกับปปช.เพื่อให้กระบวนการสอบข้อมูลถูกต้อง  (คลิกอ่านรายละเอียด  คงต้องถึงปธ.ศาลฎีกา!!! "นิพิฐ" เดินหน้าต่อขอความเป็นธรรม ยื่นร้องปปช.รอบ 16 ระงับ "สุภา" ยุ่งเกี่ยวสอบคดีปาล์มอินโดฯ !?? )

ความคืบหน้าในประเด็นดังกล่าว   ทางด้าน  นายนิพิฐ   อิศรางกูร ณ อยุธยา  ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมครั้งที่  16    ยืนยันว่าข้อมูลที่ยื่นต่อประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.)  เพื่อเป็นเหตุผลในการขอคัดค้านและเปลี่ยนตัว นางสาวสุภา ปิยะจิตติกรรมการ  ป.ป.ช.ผู้รับผิดชอบสำนวนคดีทุจริตโครงการปาล์มน้ำมัน ที่ประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากมีพยานหลักฐานใหม่และเป็นพยานหลักฐานสำคัญที่ทำให้การพิจารณาวินิจฉัยของคณะกรรมการป.ป.ช.เปลี่ยนแปลงไป

โดยหนึ่งในหลักฐานสำคัญ เป็นการสนทนาผ่านทางโปรแกรม วอตส์แอปป์  (WhatsApp) ระหว่าง นายบูลฮันหรือนายบูรฮาน พยานคนสำคัญที่นางสาวสุภา พร้อมทั้งคณะป.ป.ช. บินไปสอบสวนที่ประเทศอินโดนีเซีย กับนางแนนซี่ มาร์ตาสุตา อดีตรองประธานของ KITHA หอการค้าอินโดนีเซีย

 

ทั้งนี้บทสนทนาบางช่วงบางตอน ที่มีการนำรูปนางสาวสุภา มาเอ่ยถึง นางแนนซี่ ระบุขึ้นว่า นั่น เป็นผู้หญิงคนนี้จริงใช่ไหม ที่เป็นผู้สอบสวนคุณบูรฮาน ในวันที่ 7 สิงหาคม 2560 นายบูรฮาน กล่าวตอบไปว่า ไม่ มันไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้และนางแนนซี่ไล่ถามอีกว่า คุณแน่ใจว่าคุณได้ลงลายมือชื่อในรายงานของผลการสอบสวนในวันที่ 7 สิงหาคม 2560 ซึ่งนายบูรฮาน ตอบไปว่า คุณแนนซี่ฟังผมผมไม่ได้เซ็นอะไรทั้งสิ้นในเวลานั้นและผมไม่ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของพวกเขาทั้งหมด

 

นางแนนซี่ กล่าวขึ้นมาว่า นี่หมายความว่ามีการกลั่นแกล้งทำลายกัน คุณสุภา จาก ป.ป.ช. ประเทศ ได้แจ้งข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงและออกทางสื่อในประเทศไทย มีการกลั่นแกล้งกันด้วยลายมือชื่อปลอมของคุณบูรฮานในรายงานผลการสอบสวนหลังจากการสอบสวนในวันที่ 7 สิงหาคม 2560 ซึ่งทั้งหมดได้ถูกทำขึ้นโดย ป.ป.ช. ประเทศไทย ดังนั้นนี่คือข้อสรุปใช่ไหม

 

นายบูรฮาน สวนกลับมาทันทีว่า พวกเขากล้าแสดงลายมือชื่อของผมเพื่อไปยืนยันเลยหรือ ซึ่งผมไม่ได้ขยับเคลื่อนไหวเข้าออกจากห้องผมเลยซึ่งนางแนนซี่ ได้โต้ตอบอีกว่า คุณสุภาแจ้งว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ประเทศไทย ผู้ซึ่งได้ทำการสอบสวนคุณบูรฮานด้วยตัวเองที่จาการ์ตาในวันที่ 7 สิงหาคม 2560 และเขายังประกาศว่าคุณบูรฮานได้ลงลายมือชื่อยืนยันในรายงานผลการสอบสวนในวันเดียวกันด้วยซึ่งนายบูรฮาน ยืนยันว่า ผมไม่เคยเห็นหน้าเธอเลย

 

จากบทสนทนาดังกล่าวเริ่มเรื่องมาจาก นางรสรสยา เธียรวรรณ รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTTGE ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางถึง 5 คดี และถูกกล่าวหาต่อ ป.ป.ช.ว่าทุจริตในโครงการปลูกปาล์มอินโดนีเซีย 1 คดี ปัจจุบันอยู่ในระหว่างไต่สวน ได้นำถุงสินบนมาให้ นายบูลฮัน หรือ บูรฮาน เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2560 ก่อนที่ ป.ป.ช.จะเดินทางไปสอบเพียง 48 ชั่วโมง นั่นแสดงว่าความลับของทางราชการ การข่าวของป.ป.ช.รั่วไหล หรือว่า จงใจให้รั่วไหล ซึ่งนางสาวสุภาฯ และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ควรได้รู้และเข้าข่ายเกี่ยวข้องกับถุงสินบน เนื่องจากมีชื่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.นั่งเครื่องบินกลับลำเดียวกันกับนางรสยา เธียรวรรณ เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2560 ด้วยสายการบิน TG0434 ซึ่งไม่ใช่เหตุบังเอิญอย่างแน่นอน

 

บอกเลยคาใจมาก!! "นิพิฐ" งัดหลักฐานเด็ด ฟ้องปปช.เอาผิด "สุภา" ไม่เป็นธรรม? ละเลยสอบสินบนปาล์มอินโดฯ!?? (รายละเอียด)

 

 

นอกจากนี้ นายบูรฮานผู้รับถุงสินบนได้ยอมรับว่ามีการให้สินบนจริงพร้อมพยานหลักฐานภาพถ่าย เมื่อจับได้คาหนังคาเขาแล้วนายนิพิฐฯ จึงยื่นเรื่องร้องขอความเป็นธรรมให้นางสาวสุภาสอบสวนเรื่องกรณีสินบนหลายครั้ง  แต่นางสาวสุภาฯกลับละเว้นไม่สอบสวนตนเองและสอบสวนนางรสยาเกี่ยวกับเรื่องสินบนแต่อย่างใด

 

รวมถึงยังมีการให้ข่าวผ่านสำนักข่าวอิศราเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2560 เกี่ยวกับการสอบสวนวันที่ 7 สิงหาคม 2560 – วันที่ 8 สิงหาคม 2560  ว่านางสาวสุภาฯได้สอบสวนหรือสอบปากคำพยานนายบูรฮานในระหว่างวันที่ 7 – 8 สิงหาคม 2560 ด้วยตนเอง ระหว่างสอบปากคำพบนายบูรฮานเดินเข้าออกห้องเกือบตลอดเวลาเข้าใจว่าเพื่อปรึกษาทนายความและเมื่อสอบปากคำเสร็จได้ยอมลงนามแต่โดยดี  ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริงแต่อย่างใด

 

โดยสรุปจากพยานหลักฐานบทสนทนาผ่านวอตส์แอปป์ (WhatsApp) ได้ความจริงว่าในวันสอบสวนดังกล่าวนั้น นางสาวสุภาฯไม่ได้เข้าร่วมการสอบสวน ไม่มีการเดินเข้าๆออกๆห้องของนายบูรฮานซึ่งเขานั่งอยู่ในที่สอบสวนตลอดการสอบสวน นายบูรฮานไม่มีการติดต่อทนายความเลย ที่สำคัญที่สุดไม่มีการตกลงเซ็นเอกสารหรือลงนามในเอกสารใดๆทั้งสิ้นจากนายบูรฮานในวันที่ 7 สิงหาคม 2560 หรือวันถัดมา

 

ทั้งหมดจึงเป็นการให้การโดยประจักษ์พยานชาวอินโดนีเซียซึ่งยอมรับว่าเป็นผู้รับถุงสินบนและประจักษ์พยานผู้เห็นถุงสินบนของนางรสยาในวันที่ 4 สิงหาคม 2560โดยพยานทั้ง 2 คนยินยอมให้นำพยานหลักฐานมาใช้ในชั้นศาลและจะมาเบิกความต่อศาลต่อไป