- 25 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เพชรบูรณ์-“ศรีสุวรรณ”ลงพื้นที่สำรวจตึกยักษ์ 3 หลังบนเขาค้อที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เชื่อนายทุนเส้นสายไม่ธรรมดาลงทุนไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทา พบอาคารขนาดใหญ่หลายแห่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง แถมมีรีสอร์ทสีลูกกวาดผุดพรึบไม่ต่างจากภูทับเบิก สงสัยทำไมรีสอร์ทเขาค้อไม่ถูกรื้อแม้แต่รายเดียว จ่อยืนหนังสือถึงผู้ว่าฯให้ถอดถอนสิทธิ รอส.ทำผิดเงื่อนไข ขู่ฟ้องศาลหากทำเพิกเฉย
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนพร้อมคณะ ลงพื้นที่ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อตรวจสอบและเก็บข้อมูลการก่อสร้างอาคารตึก 3 หลังบนที่ดินราษฎรอาสาสมัคร(รอส.)เขาค้อ ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนฯที่ทหารขอใช้จากกรมป่าไม้ บริเวณบ้านส่งคุ้ม หมู่ที่ 12 ต.เขาค้อ อ.เขาค้อ หลังจากถูกคณะเจ้าหน้าที่สั่งหยุดก่อสร้างและพบว่าเป็นพื้นที่เคยถูกจับกุมดำเนินคดีแต่อัยการสั่งไม่ฟ้องเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ทำให้นายทุนใช้เป็นข้ออ้างและดำเนินการก่อสร้างต่อเนื่อง โดยนายศรีสุวรรณ พบ บริเวณพื้นที่ก่อสร้างดังกล่าวปัจจุบันทางผู้รับเหมาได้หยุดทำการก่อสร้างแล้ว และมีการติดป้ายระบุว่าเป็นสถานที่ก่อสร้างศูนย์เรียนรู้บริการนักท่องเที่ยวเพื่อการเกษตร อย่างไรก็ตามขนาดโครงสร้างของตัวอาคาร ทำให้นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนเชื่อว่านายทุนรายนี้มีเส้นสายไม่ธรรมดาและหากก่อสร้างพร้อมตบแต่งเสร็จคงใช้ทุนในราวหลักร้อยล้านบาท
นอกจากนี้คณะศรีสุวรรณยังเดินทางไปยังบริเวณจุดชมวิวหลังที่ทำการไปรษณีย์เขาค้อ เพื่อสำรวจดูสภาพสภาพรีสอร์ทและบ้านพักมุมสูง กระทั่งพบมีรีสอร์ทและบ้านพักซึ่งมีสีสันฉูดฉาดเป็นสีลูกกวาดผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด นอกจากนี้ยังพบอาคารตึกขนาดมหึมาอีกหลายแห่งซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างแต่ยังไม่แล้วเสร็จ รวมทั้งอาคารรีสอร์ทบางแห่งซึ่งตั้งอยู่ในทำเลเขาสูงและอยู่ริมหน้าผาสูงชัน จนนายสุวรรณถึงกับตั้งข้อสังเกตถึงการบังคับใช้กฎหมายไม่เท่าเทียมและเป็นการเลือกปฏิบัติ โดยยกกรณีภูทับเบิกรีซึ่งสอร์ทถูกรื้อถอนเกือบหมด แต่สำหรับที่เขาค้อยังไม่มีรีสอร์ทหรือสิ่งปลูกสร้างแม้แต่รายเดียวที่ถูกสั่งรื้อถอน
นายศรีสุวรรณ จรรยา กล่าวว่า การลงพื้นที่สำรวจครั้งนี้เพื่อต้องการทราบข้อเท็จจริง หลังมีรอส.ร้องเรียนว่ามีกลุ่มนักธุรกิจและผู้ประกอบการมาก่อสร้างอาคารสูง เข้าข่ายกิจการโรงแรมรีสอร์ทและเกตเฮ้าท์ซึ่งไม่น่าจะถูกต้องตามกฎหมาย และระเบียบเงื่อนไขการใช้ประโยชน์ที่ดินรอส.ที่ไปช่วยรบเพื่อให้เป็นที่ดินทำกินชั่วลูกชั่วหลานแต่จู่ๆที่ดินเหล่านี้ ถูกเปลี่ยนมือถูกขายไปหรือถูกเช่าต่อเช่าช่วงซึ่งเป็นการผิดเงื่อนไขชัดเจน และเมื่อพบเห็นข้อเท็จจริงแบบนี้ก็จะร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อให้เพิกถอนที่ดินแปลงรอส.ออกจากสิทธิครอบครอง รอส.ที่ทำผิดเงื่อนไข เพราะมีการซื้อขายเปลี่ยนมือให้กับนายทุนหรือบุคคลอื่นไปแล้ว หากผู้ว่าฯไม่ดำเนินการใดๆก็เป็นหน้าที่ที่ผมจะต้องใช้สิทธิทางศาล ในการฟ้องร้องผู้ว่าฯแล้วให้ศาลเรียกผู้ประกอบการเจ้าของรีสอร์ทกว่า 300 รายนี้เข้ามาไต่สวนว่า ผู้ประกอบการเจ่าของรีสอร์ทเหล่านี้เป็น รอส.เจ้าของที่ดินเดิมหรือทายาทรอส.จริงหรือไม่ หากไม่ใช่ก็ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนออกทั้งหมด
ชัยกฤต คล้ายแก้ว ผู้สื่อข่าวภูมิภาคทีนิวส์ จังหวัดเพชรบูรณ์