เล่นลิ้น!"สาธิต" จวก"ณัฐวุฒิ" แก้ตัวเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์จลาจลเผาเมืองคดี ย้ำอย่าลืมคดีสั่งล้มอาเซียน เร่งดำเนินการ

  จากกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ข้อหาผู้สั่งการ ใช้และจ้างวานให้ นายอริสมันต์ และพวก บุกล้มการ ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่โรงแรมรอยัล คลิฟ บีช รีสอร์ท เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2552 เนื่องจากมีหลักฐานเป็นคำปราศรัยของทั้งนายณัฐวุฒิ และ นายอริสมันต์ ในการจ้างวานให้ล้มประชุมอาเซียนด้วยเงิน 1.8 แสนบาท โดยเมื่อทราบว่าศาลจังหวัดพัทยามีคำพิพากษาจำคุก 15 แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง คนละ 4 ปี เมื่อวันที่ 5 มี.ค.2558 ที่ผ่านมา แต่นายณัฐวุฒิ กลับยังไม่ถูกดำเนินคดี ทั้งที่เป็นตัวการสำคัญในการล้มการประชุมอาเซียนโดยตรง เพราะเป็นผู้สั่งการให้นายอริสมันต์ ล้มการประชุมอาเซียน และหลังล้มประชุมแล้วนายอริสมันต์ ยังได้ปราศรัยว่าทำสำเร็จ
 

   ล่าสุดวันที่ 27 ก.พ. 61 นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ  ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ระบุว่าได้มอบหมายให้ทนายความรวบรวมหลักฐานเพื่อแจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี   (ป.อ.ท.)  และให้ดำเนินคดีตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กับผู้ที่เผยแพร่คลิปตัดต่อ และคนที่วิจารณ์ให้เกิดความเสียหายกับนายณัฐวุฒิ ที่ได้สั่งการให้มีผู้ก่อเหตุวางเพลิงในการชุมนุมคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553ว่า  นายณัฐวุฒิ พยายามพูดแก้ตัวเพื่อเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ และผลงานที่เขาได้ทำไว้ เกี่ยวโยงสองเรื่องคือ เหตุการณ์ที่เขาสอยดาว และที่กรุงเทพมหานคร นายณัฐวุฒิพยามบอกว่า จะไปฟ้องดำเนินคดีคนที่ตัดต่อ และมาพูดโยงว่า เขาเป็นผู้กระทำความผิด 
 

   อย่างไรก็ตามตนไม่อยากให้ณัฐวุฒิพูดอะไรที่ฝืนความเป็นจริง และพยายามเล่นลิ้น หรือเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ และผลการกระทำที่ตน และแกนนำเสื้อแดงทำไว้ ในกรณียุยงปลุกปั่นจนเป็นเหตุให้เกิดการจลาจลเผาบ้านเผาเมืองครั้งนั้น 

   นายสาธิต กล่าวว่า "สิ่งที่นายณัฐวุฒิได้ดำเนินการลงไปนั้น มีความชัดเจน และสังคมได้รับทราบแล้ว  ผมอยากให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่กำลังบริหารประเทศอยู่ขณะนี้ ช่วยติดตามคดีของนายณัฐวุฒิ ที่สั่งล้มการประชุมอาเซียน เมืองพัทยา ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นอัยการว่า คืบหน้าหรือดำเนินการเป็นไปตามขั้นตอนมากน้อยแค่ไหน แต่ดูเหมือนกับว่า คดียังไม่คืบและยังเงียบ จึงอยากเรียกร้องไปยัง คสช.ว่า คดีต่างๆเหล่านี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามกำหนดเวลา และขั้นตอนที่ถูกต้องหรือไม่”