- 28 ก.พ. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาค4 กล่าวกรณีที่ต้องการอยู่ในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4 จนเกษียณอายุราช โดยไม่ขอขึ้นพลเอก ในโยกย้ายเมย.นี้ ว่า อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาว่าจะให้อยู่หรือไม่ เราแต่งเครื่องแบบ ผู้บังคับบัญชาให้เราไปไหน เราก็ไป เราไม่มีสิทธิ์มีเสียง ให้จบภารกิจ เราก็จบ ให้อยู่ต่อ ก็อยู่ต่อ
"ถ้าถามผมว่า อยากอยู่ต่อหรือไม่ ผมก็อยากอยู่ต่อ อยากสานต่อให้จบ พลเอกใครๆ ก็อยากได้ แต่ถ้าแลกกันระหว่างดูแลด้ามขวาน ผืนแผ่นดินไทยข้างล่าง ผมก็ขอดูแลข้างล่าง ขอจบภารกิจที่นั่นตอนเกษียณอายุราชการ"
" สิ่งที่เราอยากเห็นคืออยากให้ประชาชน มีอาชีพ มีรายได้ มีงานทำ และกลับไปสู่ความสงบสุขเหมือนเดิม
เมื่อก่อนนี้ปักษ์ใต้ มีรอยยิ้มเวลาไปไหนมาไหน เพราะผมอยู่มาตั้งแต่เป็นร้อยตรี ตอนนี้ก็กำลังจะเป็นความจริงแล้ว
โครงการพาคนกลับบ้านก็มีเสียงตอบรับ เราไม่ได้ดูเรื่องสถิติการก่อเหตุมากขึ้นมหรือน้อยขึ้น แต่ดูเราประชาชนมีความสุขหรือไม่ สภาพทั่วไปประชาชนจับจ่ายใช้สอยได้ ร้านค้าประกอบธุรกิจได้
ที่สำคัญ เด็กๆ มีการยกมือไหว้ แสดงว่ารุ่นใหม่ปฏิเสธความรุนแรง เป็นนิมิตรหมายที่ดี คิดว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในเร็ววันนี้"
พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวถึงกรณีที่องค์กรความร่วมมืออิสลาม OIC เดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า OIC พอใจในโครงการพาคนกลับบ้าน
เขาบอกว่า ถ้ารัฐบาลไทย และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการให้OICช่วยอะไรในโครงการนี้ก็จะช่วยทุกอย่าง เพราะเป็นนโยบายที่ดี
เท่าที่ดูจากสายตาบ่งบอกถึงความพอใจ ความสุข และดีใจที่คนไทยรับผู้เห็นต่างเข้ามาในพื้นที่และดูแลอย่างดี
พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า ถือเป็นโครงการที่ดีมาก สามารถทำให้สถานการณ์ยุติขึ้นโดยเร็ววัน มั่นคง และยาวนาน
โดยมีผู้เห็นต่างเข้ามาร่วมโครงการรอบนี้ 96 คน และเดินทางกลับมาแล้วชุดแรก 288 คน
ทั้งนี้OICพูดกับคนเหล่านี้ว่าโครงการนี้ให้เริ่มชีวิตใหม่แล้ว ขอให้ช่วยประเทศไทย ผู้ที่เห็นต่างเขาก็พร้อมทำทุกอย่างในการพัฒนาประเทศไทย พร้อมกับรับปากว่าจะช่วยบอกกับผู้ที่เห็นต่างที่เป็นมุสลิมให้กลับมา
แม่ทัพภาคที่ 4 ย้ำว่า ยังมีเพียงกลุ่มเดียวที่พยายามขยายอำนาจของตัวเอง ถ้าจะจบก็ขอให้คนกลุ่มนี้ยุติบทบาท และคิดว่าตัวเองแก่แล้ว ก็กลับไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานดีกว่า ให้คนรุ่นใหม่ที่ดีเข้ามา
ส่วนกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุเข้ามาในวงจรอุบาทว์นั้น เพราะปัญหาเรื่องความยากจนจึงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ก็จะเป็นเครื่องมือของกลุ่มแรกที่มาข่มขู่ว่าถ้าไม่ทำต่อ ก็จะถูกจับติดคุก