ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

สุดอัศจรรย์.. เมื่อครั้ง "สมเด็จโต" แต่งตัวประหลาด เข้าเฝ้า "พระพุทธเจ้าหลวง" ถวายพระพรพยากรณ์บอกเหตุล่วงหน้าว่า "ปีหน้าก็ต้องแต่งอย่างนี้"

สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พฺรหฺมรํสี หรือนามที่นิยมเรียก "สมเด็จโต" "หลวงปู่โต" หรือ "สมเด็จวัดระฆัง" เป็นพระภิกษุมหานิกาย เป็นพระมหาเถระรูปสำคัญที่ได้รับความนิยมนับถืออย่างมากในประเทศไทย ท่านเคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร ในสมัยรัชกาลที่ ๔-๕ นับว่าท่านเป็นพระเกจิเถราจารย์ผู้มีปฏิปทาจริยาวัตรน่าเลื่อมใส เป็นที่เคารพนับถือทั่วไปมาตั้งแต่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ตั้งแต่พระมหากษัตริย์จนถึงสามัญชนและนอกจากจริยาวัตรด้านความสมถะอันโดดเด่นของท่านแล้ว ท่านยังทรงคุณทางด้านวิชาคาถาอาคม เมตตามหานิยมอย่างมาก

เจ้าประคุณสมเด็จฯ นอกจากมีความสามารถในด้านการเทศน์เป็นอย่างดีแล้วยังเป็นนักพยากรณ์ที่แม่นยำอีกด้วย เคยมีผู้มาขอให้ท่านพยากรณ์ ท่านไม่ใช้วิธีผูกดวงชาตาแบบหมอดูทั่วไป เพียงแต่ท่านนั่งนิ่งอยู่สักประเดี๋ยวท่านก็พยากรณ์ ท่านใช้วิธีการทางญาณศาสตร์ ที่เรียกว่า "ดูทางใน" นั่นเอง เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จฯ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ จะเสด็จไปทอดพระเนตรสุริยุปราคาหมดดวง ที่ตำบลหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์นั้น ได้ทรงคำนวณทราบว่า พระชาตาจะถึงฆาตในปีนั้นด้วย วันหนึ่ง จึงมีพระราชดำรัสถามเจ้าประคุณสมเด็จฯ ณ ที่รโหฐานว่า พระองค์จะเสด็จกลับมาสวรรคตที่กรุงเทพฯ ทันหรือไม่ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ถวายพระพรว่า เสด็จกลับทัน จึงเสด็จออกจากกรุงเทพฯ ประทับแรมอยู่ที่หว้ากอ ๙ วัน แล้วจึงเสด็จกลับกรุงเทพฯ และเริ่มมีพระอาการประชวรไข้จับอยู่ ๓๗ วัน จึงสวรรคต

สุดอัศจรรย์.. เมื่อครั้ง "สมเด็จโต" แต่งตัวประหลาด เข้าเฝ้า "พระพุทธเจ้าหลวง" ถวายพระพรพยากรณ์บอกเหตุล่วงหน้าว่า "ปีหน้าก็ต้องแต่งอย่างนี้"

 

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระองค์เสด็จไปพระราชทานพระกฐินที่วัดระฆัง เจ้าประคุณสมเด็จฯ ลงรับผ้าพระกฐินแต่แต่งตัวแปลกประหลาด กล่าวคือ ท่านห่มจีวรเหมือนปกติ แต่เอาผ้าพันเท้าทั้งสองข้างเหมือนอย่างสวมถุงเท้าอย่างนั้นแหละ มีพระราชดำรัสถามถึงเหตุที่ทำอย่างนั้น ท่านถวายพระพรพยากรณ์ว่า

"ปีหน้าก็ต้องเป็นอย่างนี้"

 

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแย้มพระโอษฐ์ ไม่ตรัสว่ากระไร ในปีนั้นได้เสด็จไปประพาสเมืองสิงคโปร, เมืองบะตาเวีย และเมืองสมารัง รวม ๓๗ วัน เมื่อเสด็จกลับมาแล้ว ก็เริ่มทรงจัดการแก้ไขเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมในราชสำนักหลายอย่าง เช่น โปรดฯ ให้ผู้ที่เข้าเฝ้าแต่งตัว สวมถุงเท้า รองเท้า ใส่เสื้อเปิดคอแบบฝรั่ง เวลาเสด็จเที่ยวประพาส ก็โปรดให้แต่งตัวใส่ถุงเท้า รองเท้า เสื้อเปิดคอ และยืนเฝ้าเหมือนกัน ที่เจ้าประคุณสมเด็จฯ เอาผ้าพันเท้านั้น ก็เป็นนิมิตรหมายว่า ปีต่อมาข้าราชการจะต้องสวมถุงเท้าเข้าเฝ้า และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ ตำนานเล่าขานพระผู้ทรงฌานอภิญญา ครูบาอาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคม

แอพเกจิ