ยกนิ้ว !!! "ไอเอ็มเอฟ" ถก "สมคิด" ชมเศรษฐกิจไทยขยายตัว แนะดึงทุนสำรองไปลงทุน แก้บาทแข็งค่า

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ยภายหลังการหารือกับ นาย Markus H. Rodlauer รองผู้อำนวยการกรมเอเชียและแปซิฟิก และผู้แทนกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ว่า คณะผู้แทนของไอเอ็มเอฟได้เดินทางมาพบหน่วยงานด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย และหลายประเทศเพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจ โดยไอเอ็มเอฟชื่นชมที่เศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น และเห็นด้วยกับแนวนโยบายของไทยที่พยายามสร้างความสมดุลระหว่างเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม การพัฒนาเรื่องดิจิทัลและเศรษฐกิจท้องถิ่นเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว 

นายสมคิด กล่าวว่า ไอเอ็มเอฟได้สอบถามถึงสาเหตุที่อัตราเงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งบอกว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะtประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้การจับจ่ายใช้สอยในบางส่วนอาจลดลง อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลเข้าไปดูแลไม่ให้อัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป หลังจากที่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำมาตลอด หากอัตราเงินเฟ้อปรับขึ้นเร็วเกินไปอาจกระทบต่อประชาชน นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟได้ตั้งข้อสังเกตว่าประเทศไทยมีส่วนเกินของทุนในเงินทุนสำรองระหว่างประเทศจำนวนมาก ปัจจุบันเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมีมากกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 10% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) เงินในส่วนนี้เมื่อมีมากเกินไปส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าและกระทบต่อภาคการส่งออก จึงเสนอว่าไทยควรมีการนำบางส่วนที่อยู่ในทุนสำรองระหว่างประเทศออกไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นแล้วนำผลตอบแทนที่ได้กลับมาจัดตั้งเป็นกองทุนดูแลผู้สูงอายุหรือจัดสรรเป็นสวัสดิการสำหรับดูแลผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย

"ได้บอกกับไอเอ็มเอฟว่าแนวคิดดังกล่าวยังต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเพราะไทยไม่คุ้นเคยกับแนวคิดในการนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปลงทุน แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการศึกษาเรื่องนี้อยู่ จึงได้ชี้แจงให้ตัวแทนของไอเอ็มเอฟทราบว่าการมีสภาพคล่องส่วนเกินเกิดขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น แม้จะทำเงินบาทแข็งค่าก็ต้องบริหารจัดการ ส่วนในเรื่องการนำเงินสำรองระหว่างประเทศไปลงทุน คนไทยยังมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกับการลงทุนของ กบข.หรือกองทุนประกันสังคมก็ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงน้อย ซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจซึ่งแบงก์ชาติมีการศึกษาเรื่องนี้อยู่ ซึ่งก็ขอให้ไอเอ็มเอฟทำงานร่วมกับแบงก์ชาติเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาด้านการเงินของประเทศ เช่น เดียวกับที่ก่อนหน้านี้ธนาคารโลกได้มาทำงานร่วมกับกระทรวงการคลังแล้ว" นายสมคิด กล่าว

รองนายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องการดูแลสวัสดิการสำหรับผู้สูงอายุได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปหาแนวทางที่จะจัดหางบประมาณเพิ่มเติมมารองรับภาระทางการคลังที่จะเพิ่มขึ้นจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ขณะเดียวกัน ต้องใช้ประโยชน์จากผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อมาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น ในเรื่องของท่องเที่ยวโดยในเร็วๆ นี้ จะมีมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวของผู้สูงอายุ จะเสนอมาตรการเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ (ททช.) ที่จะมีการประชุมในวันจันทร์ ที่ 12 มี.ค.นี้ด้วย โดยในระยะต่อไปมาตรการด้านการท่องเที่ยวจะมีความสำคัญมากขึ้นในฐานะที่เป็นเศรษฐกิจภาคบริการ (service sector) ที่มีสัดส่วนรายได้ในจีดีพีถึง 60% และเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจชุมชนอย่างใกล้ชิด