เกาไม่ถูกที่คันแล้วมั้ง?! "กก.ปฏิรูปตำรวจ" ชงเพิ่มเงินเดือน อ้างแก้รีดไถ ผงะร้อยตรีจบใหม่รับเบ็ดเสร็จ 33,790-36,790 บาท/เดือน

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

เกาไม่ถูกที่คันแล้วมั้ง?! "กรรมการปฏิรูปตำรวจ" ชงเพิ่มเงินเดือน บวกเงินเพิ่มให้บรรดาตำรวจ อ้างแก้รีดไถ รับส่วย ผงะร้อยตรีจบใหม่จากสามพราน ในตำแหน่งรองสารวัตรรับเบ็ดเสร็จ 33,790-36,790 บาท

วันนี้ (10 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมานิจ สุขสมจิตร ประธานอนุกรรมการด้านการสื่อสารกับสังคมในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม(ตำรวจ) ได้แถลงถึงการประชุมคณะกรรมการที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้พิจารณา ถึงการเพิ่มค่าตอบแทนและสวัสดิการของข้าราชการตำรวจ ตามที่คณะอนุกรรมการด้านการบริหารบุคคลเสนอให้พิจารณา งานตำรวจเป็นงานที่มีความเสี่ยงมากกว่าข้าราชการพลเรือนสามัญอยู่ระหว่าง 13.56- 22.57 เท่า ซึ่งในต่างประเทศนั้น ตำรวจชั้นประทวนมีค่าตอบแทนเทียบค่าตอบแทนของข้าราชการพลเรือนสามัญมีสัดส่วน ความเสี่ยง 1.28 ต่อ 1 ส่วนระดับสัญญาบัตรมีสัดส่วน 1.74 ต่อ 1

นายมานิจ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ จากผลการวิจัยโดยมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง เสนอว่า ข้าราชการตำรวจในสายงานป้องกันปราบปราม ซึ่งมีความเสี่ยงเฉพาะในการปฏิบัติหน้าที่มากกว่างานตำรวจในกลุ่มงานอำนวยการและกลุ่มงานสนับสนุนคิดเป็นค่าเฉลี่ย 2.66 ต่อ 2.97 จึงควรได้รับเงินเพิ่มในระดับชั้นประทวนเป็นเงิน 4,300 – 5,000 บาท ต่อเดือน และในระดับสัญญาบัตรเป็นเงิน 18,500 -21,5000 บาทต่อเดือน จะมีผลทำให้ตำรวจในสายงานป้องกันปราบปรามตำแหน่ง ผบ.หมุู่ ที่จบจากโรงเรียนนายสิบ ได้เงินเดือนแรกบรรจุเดือนละ 9,330 บาทบวกเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว 2,000 บาท และเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งอีก 4,300-5,000บาท รวม รายได้เดือนละ 15,630-16,330 บาท ส่วนตำแหน่งรองสารวัตรที่จบจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจควรจะได้รับเงินเดือน บรรจุใหม่ 15,290 บวกกับเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่ง 18,500-21,500 บาท จะทำให้มีรายได้เดือนละ 33,790-36,790 บาท

"นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจยังเห็นชอบตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการด้านการบริหารงานบุคคลที่ให้ปรับอัตราการจ่ายเงินค่าตอบแทนการสอบสวนคดีอาญาหรือที่เรียกว่า "ค่าทำสำนวน" เพิ่มขึ้นอีก 100% เพราะอัตราที่ใช้อยู่ กำหนดไว้เมื่อ พ.ศ. 2534 และยังมิได้ปรับเพิ่มในขณะที่ค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด" นายมานิจ ระบุ

พร้อมทั้ง เสนออัตราใหม่ดังนี้

1. กรณีที่เกิดคดีอาญาขึ้นและไม่รู้ตัวผู้กระทำผิด เดิมไม่จ่าย ส่งผลให้พนักงานสอบสวนไม่อยากทำสำนวนหรือไม่รับคดีจึงเสนอให้จ่ายค่าตอบแทนการสอบสวนคดีอาญาประเภทที่ไม่รู้ตัวผู้กระทำความผิดไม่เกินคดีละ 500 บาท

2. ความผิดที่มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี เสนอให้จ่ายไม่เกินคดีละ 1,000 บาท (ขณะนี้จ่ายไม่เกินคดีละ 500 บาท)

3.ความผิดที่มีอัตราโทษจำคุก 3-10 ปีเสนอให้จ่ายไม่เกินคดีละ 2,000บาท (ขณะนี้จ่ายไม่เกินคดีละ 1,000 บาท)

4. ความผิดที่มีอัตราโทษจำคุก 10 ปี ขึ้นไป เสนอให้จ่ายไม่กินคดีละ 3,000 บาท (ขณะนี้จ่ายไม่เกินคดีละ 1,500 บาท)

นายมานิจ ยังกล่าวอีกว่า ในการเสนอของคณะอนุกรรมการด้านการบริหารงานบุคคลนั้น ได้เสนออัตรารายได้ของตำรวจในสายงานป้องกันและปราบปราม ให้ต่ำกว่าอัตราที่เสนอโดยมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง เพราะไม่อยากให้กระทบต่องบประมาณในภาพรวมของประเทศ แต่เมื่อได้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง รวมทั้งเหตุผลที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ว่าให้ มีหลักประกันว่า ข้าราชการตำรวจจะได้รับค่าตอบแทนที่้เหมาะสม ซึ่งเป็นอาชีพเดียวที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ให้ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม แสดงว่า ปัจจุบันนี้ ตำรวจได้รับค่าตอบแทนที่ยังไม่เหมาะสม จึงอ้างว่า รายได้ไม่เพียงพอต้องหารายได้พิเศษจากการรีดไถ และรับส่วย เมื่อเพิ่มรายได้ให้แล้ว ควรจะได้กวดขันตำรวจที่ทุจริตและประพฤติมิชอบต่อไป ที่ประชุมจึงเห็นสมควรให้ปรับค่าตอบแทนของข้าราชการตำรวจในสายงานป้องกันปราบปรามตามผลการศึกษาวิจัยของมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง และควรมีการพิจารณาค่าตอบแทนดังกล่าวทุก 5 ปีด้วย