แสงประกายเจิดจ้า "พรรคพลังประชารัฐ"หากเชื่อมโยง "บิ๊กตู่" ลุ้นเสียงครั้งลงประชามติ ตัวแปรสำคัญ!!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ก็ต้องถือว่ามีแสงประกายเจิดจ้าขึ้นทันทีสำหรับพรรคพลังประชารัฐ เมื่อเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า เป็นพรรคทีจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป สาระสำคัญที่ต้องจับตาดูก็คือ เมื่อถึงหวงเวลาที่มีการเปิดตัวผู้บริหารตัวจริงขึ้นมา นั้น จะมีราคายืนยันและสัมพันธ์กับพล.อ.ประยุทธ์ และที่สำคัญผู้บริหารที่จะเปิดตัววันนั้นจะเป็นทหารหรืออดีตข้าราชการ หรือนักธุรกิจ หรือนักวิชาการ หรือนักการเมือง

 

นี่เป็นเรื่องที่ต้องจับตา เพราะถ้าเป็นทหารหรือเป็นนักการเมือง ที่ชื่อเสียงหรือชื่อชั้นไม่เข้าตาประชาชน พรรคนี้ก็จะต้องล้มเหลวขึ้นตั้งแต่เริ่มต้น แต่ถ้าชื่อชั้นเป็นที่ยอมรับของประชาชน ก็แน่นอนว่าโอกาสทางการเมืองก็อาจจะเกิดขึ้นได้
ส่วนที่ต้องจับตาต่อไปก็คือชื่อ พลังประชารัฐ นั้นเป็นชื่อที่สอดคล้องกับแนวนโยบายประชารัฐ ของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ในขณะนี้ ถ้าตัวบุคคลและนโยบายพรรคที่ออกมาเชื่อมโยงกับนโยบายประชารัฐที่เป็นอยู่ และกำลังเห็นผลเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน

ก็แน่นอนว่าราคาของพรรคพลังประชารัฐก็จะเพิ่มขึ้น พรรคการเมืองเกิดใหม่ที่ผ่านมา แม้จะเป็นของผู้มีอำนาจที่ไม่ประสบความสำเร็จนั้นก็เพราะไม่สามารถเข้าไป ช่วงชิงที่นั่งสส.ในระบบเขตเลือกตั้งได้ เพราะนักการเมืองเก่าทำงานมานาน มีระบบหัวคะแนนแข็งแรง เข้มแข็ง สืบทอดต่อเนื่อง ตั้งแต่ปู่ย่าตายาย จนมาถึงรุ่นพ่อรุ่นแม่รุ่นลูก ยากเหลือเกินที่จะเข้าไปเบียดพื้นที่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งในระบบแปลกใหม่ที่เรียกว่าระบบสัดส่วนผสมคะแนนทุกคะแนนเอามานับ


ดังนั้นพรรคการเมืองบางพรรคแม้จะแพ้เลือกตั้งในทุกเขตเลือกตั้ง แต่ถ้าคะแนนเป็นอันดับ 2 และคะแนนรวมได้เปอร์เซ็นสูง ซึ่งในขณะนี้ก็จะคำนวณได้ว่า ถ้ามี 70,000 เสียง จะได้สส. 1 ที่นั่ง มันก็ทำให้เกิดความหวังสำหรับพรรคการเมืองใหม่ และถ้าพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคที่เชื่อมโยงพล.อ.ประยุทธ์ หรือแนวนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องกลับไปดูตอนลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ แม้จะไม่สามารถเอามาใช้ได้ 100 % แต่ชัดเจนว่า

ในการรับร่างรัฐธรรมนูญนั้น ผู้คนไม่ได้ดูที่เนื้อหาของรัฐธรรมนูญเป็นหลัก แต่รับเชียร์และชอบพล.อ.ประยุทธ์ อย่าลืมว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทั้งเพื่อไทยและประชาธิปัตย์ออกมาคัดค้าน แต่ปรากฏว่ามีผู้เห็นชอบถึง 15 ล้านเสียง ขณะที่ไม่เห็นชอบ 9 ล้านเสียง และถ้าไปดูเป็นภาคแล้ว ก็น่าสนใจภาคกลาง เห็นชอบ 5.8 ล้าน ไม่เห็นชอบ 2.5 ล้าน ภาคใต้ 2.6 ล้าน ไม่เห็นชอบ 7 แสน ตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นฐานของพรรคเพื่อไทย เห็นชอบ 3.9 ล้าน ไม่เห็นชอบ 4.1 ล้าน แม้ไม่เห็นชอบจะชนะ แต่ก็แค่เฉียดฉิว แสน 2 แสนคะแนนแค่นั้นเอง เหนือ ชอบ 2.6 ล้านไม่เห็นชอบ 1.9 ล้าน คะแนนดังกล่าวนี้

 

น่าคิดว่าจะแปรเปลี่ยนมาเป็นคะแนนให้กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ถ้าประชาชนชัดเจนว่าพรรคนี้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งก็ต้องจับตาดู ท่าทีกันต่อไป