ความสัมพันธ์ อังกฤษ-รัสเซีย สะบั้น ต่างไล่ทูตกลับประเทศ ปิดกิจการที่เกี่ยวข้อง หรือถึงเวลาของ สงครามโลกครั้งที่ 3

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

กลายเป็นข่าวใหญ่ในสื่อต่างประเทศตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อ ทางด้านนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของอังกฤษ ได้ทำการแถลงต่อสภาสมัยสามัญ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมาว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับนายเซอร์เก สกรีพัล อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทางทหารของรัสเซีย ซึ่งลี้ภัยอยู่ในประเทศตั้งแต่ปี 2553 และน.ส.ยูเลีย สกรีพัล บุตรสาว  ซึ่งทั้งสองคนนั้นถูกทำร้ายด้วยการใช้สารเคมีออกฤทธิ์ร้ายแรงต่อระบบประสาท เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2561  ซึ่งทางอังกฤษคาดว่าเป็นการกระทำของทางด้านรัฐบาลรัสเซีย ดังนั้นทางรัฐบาลอังกฤษ จำเป็นที่จะต้องตอบโต้ในกรณีดังกล่าวด้วยการขับเจ้าหน้าที่การทูตของรัสเซีย 23 คนออกจากราชอาณาจักร โดยเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ถือเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองที่ไม่ประกาศตัวต้องเดินทางออกนอกประเทศภายใน 7 วัน ถือเป็นการขับนักการทูตต่างชาติจำนวนมากที่สุดของสหราชอาณาจักร นับตั้งแต่ยุคสงครามเย็น

 

ความสัมพันธ์ อังกฤษ-รัสเซีย สะบั้น ต่างไล่ทูตกลับประเทศ ปิดกิจการที่เกี่ยวข้อง หรือถึงเวลาของ สงครามโลกครั้งที่ 3

นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์

 

นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของอังกฤษ ยังได้ประกาศยกเลิกคำเชิญให้นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ในการเยือนกรุงลอนดอนอย่างเป็นทางการในปีนี้ และระงับกำหนดการพบหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของทั้งสองประเทศในทุกกระทรวง 


นอกจากนี้ ผู้นำสหราชอาณาจักรยืนยันว่า เจ้าชายวิลเลียม ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) จะไม่เสด็จเยือนกรุงมอสโกในเดือนมิถุนายน นี้ เพื่อทรงร่วมพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพ เช่นเดียวกันเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลและนักการเมืองของสหราชอาณาจักร ซึ่งจะไม่เดินทางเยือนรัสเซียในช่วงเวลานั้นด้วย

 

ความสัมพันธ์ อังกฤษ-รัสเซีย สะบั้น ต่างไล่ทูตกลับประเทศ ปิดกิจการที่เกี่ยวข้อง หรือถึงเวลาของ สงครามโลกครั้งที่ 3

แต่ที่น่าแปลกใจทางด้าน นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ ของอังกฤษ ยังคงไม่ได้กล่าวพาดพิงบุคคล หน่วยงานรัฐหรือบริษัทเอกชนรายใดของรัสเซีย ที่อาจถูกขึ้นบัญชีดำฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีออกฤทธิ์ร้ายแรงต่อระบบประสาท ทำร้ายสองพ่อลูก แต่ตัวเธอกลับใช้คำว่ามีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลรัสเซียมีส่วนรู้เห็น จากการที่สารพิษนั้นมาจากโครงการโนวิช็อกตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียต

 

ความสัมพันธ์ อังกฤษ-รัสเซีย สะบั้น ต่างไล่ทูตกลับประเทศ ปิดกิจการที่เกี่ยวข้อง หรือถึงเวลาของ สงครามโลกครั้งที่ 3

นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย


ขณะที่ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมา ว่าสหราชอาณาจักรเป็นฝ่ายเลือก ที่จะเผชิญหน้ากับรัสเซีย และยืนยันจะมีการตอบโต้ตามความเหมาะสมต่อไป ซึ่งก่อนหน้านั้นทางด้านนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ได้ออกมาพูดถึงกรณีการเสียชีวิตของสองพ่อลูกว่าทางรัสเซียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด และจะไม่มีการชี้แจงใดทั้งสิ้น จนกว่ารัสเซียจะได้ร่วมตรวจสอบตัวอย่างของสารที่อีกฝ่ายอ้างว่ามาจากโครงการโนวิช็อก ส่วนนายวาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) กล่าวว่าสหราชอาณาจักรต้องการกดดันให้รัสเซียรับสารภาพทั้งที่ยังไม่สามารถแสดงหลักฐานที่เป็นรูปธรรมมากกว่าคำกล่าวอ้างเลื่อนลอย

 

ความสัมพันธ์ อังกฤษ-รัสเซีย สะบั้น ต่างไล่ทูตกลับประเทศ ปิดกิจการที่เกี่ยวข้อง หรือถึงเวลาของ สงครามโลกครั้งที่ 3

นายวาสซิลี เนเบนเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ

 

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2561 กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียออกแถลงการณ์ ประกาศให้เจ้าหน้าที่การทูตของสหราชอาณาจักร 23 คน ถือเป็นบุคคลไม่พึงปรารถนาและต้องเดินทางออกนอกประเทศภายในระยะเวลา 7 วัน ขณะเดียวกัน นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย สั่งเพิกถอนใบอนุญาตของสหราชอาณาจักร ในการเปิดดำเนินการสถานกงสุลใหญ่ ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และสั่งปิดสถาบันบริติชเคาน์ซิลทุกแห่งในรัสเซีย ซึ่งเป็นองค์กรส่งเสริมความร่วมมือทางการศึกษาและศิลปวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักร เนื่องจากเป็นสถาบันที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการระบุว่าทางด้านรัสเซีย พร้อมจะดำเนินมาตรการอื่นใดนอกเหนือจากนี้ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัสเซีย และเพื่อเป็นการตอบโต้หากสหราชอาณาจักรแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ที่มีแต่จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระดับทวิภาคี 

ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และ สหราชอาณาจักรดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนหน้านี้ทั้งสองมีการเผชิญหน้าระหว่างกันมาโดยตลอดโดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา เช่นกรณีของเรือพิฆาตของกองทัพเรืออังกฤษ ได้เข้าประกบเรือพิฆาตของกองทัพเรือรัสเซีย ในช่วงที่กำลังวิ่งผ่านช่องแคบอังกฤษ ทางกองเรือรบหลวง HMS Westminster ถูกส่งไปตรวจสอบเรือรัสเซียสี่ลำในช่วงสุดสัปดาห์ขณะที่พวกเขาเดินผ่านไปใกล้กับน่านน้ำของอังกฤษ


กระทรวงกลาโหมกล่าวและได้ดำเนินการตามประกบเรือรบของรัสเซียขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปทางเหนือเสริมว่า เรือรบรัสเซียสองลำ Soobrazitelny และ Boiky และเรือสนับสนุน Paradox และ Kola เชื่อว่าจะกลับมาจากการดำเนินการในตะวันออกกลาง

 

ความสัมพันธ์ อังกฤษ-รัสเซีย สะบั้น ต่างไล่ทูตกลับประเทศ ปิดกิจการที่เกี่ยวข้อง หรือถึงเวลาของ สงครามโลกครั้งที่ 3

 

หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุการณ์ กองทัพอากาศอังกฤษได้ออกแถลงการณ์ กรณีทางด้านกองทัพได้ส่งเครื่องบินรบไต้ฝุ่นจากฐานทัพอากาศลอสซีมัธ ในสกอตแลนด์ เข้าสกัดเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลแบบตูโปเลฟ ตู-160 แบล็คแจ็ค ของกองทัพรัสเซีย 2 ลำ กำลังบินเข้าหาอังกฤษโดยกองทัพอากาศอังกฤษ เรียกปฏิบัติการดังกล่าวว่าเป็นการ ป้องกันภัยฉุกเฉิน เนื่องจากเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกลแบบตูโปเลฟ ตู-160 แบล็คแจ็ค ของกองทัพรัสเซีย 2 ลำ ได้มุ่งหน้าเข้าสู่เขตแดนของประเทศอังกฤษ  ซึ่งกองทัพอากาศได้ส่งเครื่องบินรบไต้ฝุ่นเข้าสกัดบริเวณทะเลเหนือ ก่อนที่จะล้ำเข้าสู่น่านฟ้าของประเทศอังกฤษ 


ซึ่งจะเห็นได้ว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเป็นการเผชิญหน้าที่มีโอกาส เกิดการตอบโต้รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั้งล่าสุดการขับไล่ทูตจำนวน 23 คนให้พ้นประเทศนั้น ถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง ก็คงต้องดูว่าท้ายที่สุดแล้วรัสเซีย จะมีการตอบโต้สหราชอาณาจักร อย่างไร แต่ที่มันเกิดแน่แล้ว ความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างสองประเทศนี้ไม่มีอีกแล้ว

 

บทความโดย : สถาพร เกื้อสกุล