ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 หลวงพ่อสุ่นวัดบางปลาหมอ เมตตาอบรมสั่งสอนวิชา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค

ในช่วงที่หลวงพ่อปาน เรียนวิชากับหลวงพ่อสุ่น ครั้งหนึ่งหลวงพ่อสุ่นได้ถามหลวงพ่อปานบอกว่า

" ปานอยากจะดูฝนตกไหมลูก " หลวงพ่อปานบอกว่า " อยากดู "

" อยากดูน้ำเกิดในแผ่นดินไหม " หลวงพ่อปานก็บอกว่า " อยากดู "

ออกไปลานวัดด้วยกันก็พากันไปที่ป่าช้า พอพากันไปถึงป่าช้าแล้ว หลวงพ่อสุ่นก็บอก " ตรงนี้มันแห้งนะ เดี๋ยวพ่อจะทำให้มีน้ำ "

พอท่านชี้ลงไปเท่านั้น ตรงนั้นปรากฏว่ามีน้ำท่วมขึ้นมาทันที

แล้วหลวงพ่อสุ่นท่านบอก " ประเดี๋ยวพ่อจะให้ฝนตกตรงนี้ วัดพื้นที่กว้าง ๒ วา ยาว ๒ วา ฝนจะตกเฉพาะตรงนั้น " พอท่านบอกแล้วก็แหงนขึ้นไปบนอากาศแล้วก็ก้มหน้า เท่านี้ฝนตกเลย

นี่เป็นเรื่องน้ำเรื่องฝนปรากฏ ความเยือกเย็นทำได้ ท่านก็เลยบอกให้หลวงพ่อปานทำบ้าง แล้วท่านบอกหลวงพ่อปานว่า " ถ้าเอ็งจะให้ฝนตกอย่าให้เลยป่าช้าไปนะ ชาวบ้านเขากำลังทำไร่ไถนาเขาจะลำบาก เอาเฉพาะในเขตของเรา ลองทำซิ "

หลวงพ่อปานก็ตั้งท่าทำ อธิษฐานว่าขอฝนจงตกภายในบริเวณป่าช้าให้เป็นเม็ดใหญ่ ตกประมาณ ๑ ชั่วโมง แล้วก็เข้าสมาธิ แล้วคลายสมาธิมาอธิษฐานอีกครั้งหนึ่ง เท่านี้ท่านบอกว่า ปรากฏว่าฝนตกขนาดหนัก เปียกหมดทั้งตัว ทั้งสบง จีวร สังฆาฏิไม่เหลือ ก็ต้องนั่งอยู่อย่างนั้นจนกว่าฝนจะหาย จนกว่าจะหมดเวลา เพราะเป็นการพิสูจน์กันนี่

เมื่อฝนหายหมดแล้วปรากฏว่าหลวงพ่อปานเปียกทั้งตัว หลวงพ่อสุ่นไม่เปียก หลวงพ่อสุ่นไม่มีอะไรเปียก ตัวแห้งแกร่ง หลวงพ่อปานแปลกใจถามว่า " หลวงพ่อขอรับ หลวงพ่อทำไมจึงไม่เปียก ท่านบอกว่าก็คุณมันทำฝนตกได้ แต่ว่าคุณเองไม่สามารถจะป้องกันฝน ไม่ให้เปียกตัวได้

อัศจรรย์จริงๆ!! แม้แต่ฝนยังเรียกให้ตกได้..เหนือธรรมชาติ เมื่อ "หลวงพ่อสุ่น"สอน "หลวงพ่อปาน"แต่ให้ตกเพียงในป่าช้าเท่านั้น..

หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ

วิชาอย่างนี้คุณยังไม่มี อย่างนี้เขาเรียกกันว่าวาโยกสิณ เวลาที่คุณทำให้ฝนตก ฉันก็บันดาลให้เกิดลมเฉพาะบริเวณร่างกายของฉันปัดน้ำฝนไปเสีย ไม่ให้มาถูกตัวฉัน เอาแค่ตัวฉันห่างไป ๒ ศอก อธิษฐานเท่านั้น เธอลองวัดดูซิ วัดดูว่ามันห่างตัวฉันไปเท่าใดดินมันแห้ง "

หลวงพ่อปานก็กะประมาณว่าประมาณ ๒ ศอก ท่านก็บอกว่า " ปาน วาโยกสิณมีความสำคัญต่อคนไข้มาก ถ้าเราจะเป็นหมอ ตามธรรมดาคนไข้นี่น่ะ เมื่อเป็นไข้ไม่สบายแล้วเดินเหินไม่ค่อยถนัด เดินเหินไม่สะดวก บางทีต้องเข้าปีกประคองกัน เพราะความป่วยไข้ไม่สบาย มันเป็นทุกขเวทนาอย่างหนัก

ถ้าหากว่าเราเป็นหมอ ถ้าเรารักษาคนไข้แบบนั้นเราก็ลำบาก เวลาจะลุกก็ต้องประคองลุก เวลาจะนั่งก็ต้องประคองนั่ง เวลาจะเดินต้องประคองเดิน เราก็เอาวาโยกสิณช่วย เวลาคนไข้เขาไม่มีกำลังเดินไม่ค่อยไหว เราก็ใช้วาโยกสิณเข้าช่วย วาโยกสิณนี้จะสามารถทำคนไข้ให้เดินได้คล่อง ลุกคล่อง นั่งคล่อง ทำอะไรคล่อง ๆ ได้ เรียกว่า เราต้องใช้กำลังทางใจของเราช่วย วาโยกสิณก็คืออำนาจทางใจหรือว่าฤทธิ์ทางใจนั่นเอง

อัศจรรย์จริงๆ!! แม้แต่ฝนยังเรียกให้ตกได้..เหนือธรรมชาติ เมื่อ "หลวงพ่อสุ่น"สอน "หลวงพ่อปาน"แต่ให้ตกเพียงในป่าช้าเท่านั้น..

หลวงพ่อปานชอบใจ แล้วท่านบอกต่อไปว่าวาโยกสิณนี่ไม่ได้ใช้แต่คนไข้อย่างเดียวนะ เวลาฝนมันจะตกมา เราก็ให้ลมหอบฝนไปตกที่อื่นเสียก็ได้ นี่เราห้ามฝนได้ หรือว่าอะไรจะปรากฏขึ้น เราใช้ลมหอบไปทิ้งเสียก็ได้

และยิ่งไปกว่านั้นเราสามารถจะใช้วาโยกสิณบันดาลให้ร่างกายของเราเป็นร่างกายเบา แล้วร่างกายของเราจะลอยไป คือ เหาะไปลงตรงไหนก็ได้ ไปช้าก็ได้ จะไปเร็วก็ได้

..." ตำนานสายวิชาพระหมอ เมืองกรุงเก่า อยุธยา หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค " .....

อัศจรรย์จริงๆ!! แม้แต่ฝนยังเรียกให้ตกได้..เหนือธรรมชาติ เมื่อ "หลวงพ่อสุ่น"สอน "หลวงพ่อปาน"แต่ให้ตกเพียงในป่าช้าเท่านั้น..

หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค

ขอขอบพระคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูลมา ณ ที่นี้

เพจเกจิอยุธยา

เพื่อเผยแผ่กิตติคุณเป็นสังฆบูชา และเทิดทูนเกียรติคุณครูบาอาจารย์