โปรดเกล้าฯถอดยศ พร้อมเรียกคืนเครื่องราชย์ 2นายทหารสัญญาบัตร (รายละเอียด)

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

จากกรณี เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรีเรื่อง พระราชทานพระราชานุญาตให้ถอดยศทหารและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์  โดยมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้ถอดนายทหารสัญญาบัตร สังกัดกองทัพบก รวม ๒ ราย ออกจากยศทหาร ตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติยศทหารพุทธศักราช ๒๔๗๙ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยศทหาร (ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๐๑ ประกอบระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดํารงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์พ.ศ. ๒๕๐๗ ข้อ ๒ และข้อ ๔

       ทั้งนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา ตามข้อ ๖ ข้อ ๗ (๒) และ (๔)ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์พ.ศ. ๒๕๔๘ ดังนี้

โปรดเกล้าฯถอดยศ พร้อมเรียกคืนเครื่องราชย์ 2นายทหารสัญญาบัตร (รายละเอียด)

 

๑. พันตรี ธีรเดช จันทร์แจ่มใย ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๕๙ ซึ่งเป็นวันที่มีคําพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจําคุกในความผิดฐานร่วมกันกรรโชกทรัพย์ และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย และเหรียญจักรมาลา

 

๒. ร้อยโท ธวัชชัย กลิ่นชะนะ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐ ซึ่งเป็นวันที่มีคําพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจําคุกในความผิดฐานมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ฐานมียุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร และเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นจัตุรถาภรณ์มงกุฎไทยและเหรียญจักรมาลา

 

ประกาศ ณ วันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๑

ผู้รับสนองพระราชโองการ

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ

รองนายกรัฐมนตรี

 

โปรดเกล้าฯถอดยศ พร้อมเรียกคืนเครื่องราชย์ 2นายทหารสัญญาบัตร (รายละเอียด)

 

       อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ (15 พ.ค.60) ศาลทหารสูงสุด องค์คณะตุลาการศาลทหารสูงสุด อ่านคำพิพากษา ในคดีดำ ที่ 35/50 สืบเนื่องจากที่ศาลทหารกรุงเทพ เคยมีคำพิพากษา 3 ผู้ต้องหา ได้แก่ จำเลยที่ 1 ร.ท.ธวัชชัย กลิ่นชะนะ อดีตนายทหารสารบรรณ ที่รับผิดชอบงานในภาคใต้ จำเลยที่ 2 พ.อ.มนัส สุขประเสริฐ อดีตนายทหารรักษาความปลอดภัย ผอ.รมน. และ จำเลยที่ 3 พ.อ.สุรพล สุประดิษฐ์ หรือ "เสธ.ตี๋" อดีตนายทหารแผนกการเงิน กอ.รมน. ในคดีข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 236 และ มาตรา 63 อีกทั้งร่วมกันเคลื่อนย้ายวัตถุระเบิด และพาไปในเขตเมืองโดยไม่มีเหตุอันสมควร และร่วมกันมียุทธภัณฑ์โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมโทษทุกกระทง จำคุกจำเลยทั้ง 3 คน 6 ปี ปรับคนละ 4,000 บาท

 

       ทั้งนี้แต่เนื่องจากจำเลยที่ 1 คือ ร.ท.ธวัชชัย ให้การเป็นประโยชน์ จึงให้ลดโทษเหลือ 4 ปี 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท เมื่อวันที่ 19 ส.ค.52 นั้น ต่อมา ร.ท.ธวัชชัย ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลทหารกรุงเทพ ต่อศาลทหารสูงสุด โดยเมื่อวานนี้ ( 15 พ.ค.) องค์คณะตุลาการศาลทหารสูงสุด มีคำพิพากษายืน ให้ลงโทษ ร.ท.ธวัชชัย ตามเดิม คือ จำคุก 4 ปี 6 เดือน ปรับ 3,000 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไปที่เรือนจำมณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) จ.นครปฐม

 

        สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 24 ส.ค.49 หน่วยรักษาความปลอดภัยของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบพบรถเก๋งยี่ห้อ แดวู สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฐฉ-3085 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่บริเวณข้างสะพานข้ามแยกบางพลัด ซึ่งเป็นเส้นทางที่ขบวนรถของนายทักษิณ ต้องผ่าน ทางหน่วยรักษาความปลอดภัยของนายทักษิณ จึงได้ประสานกับหน่วยอรินทราช 191 และตำรวจท้องที่ ตรวจค้นจนสามารถจับกุมชายคนหนึ่ง และตรวจค้นรถคันดังกล่าวพบวัตถุระเบิด ทีเอ็นที ซีโฟร์ ถังแกลลอนบรรจุน้ำมันเบนซินผสมปุ๋ยยูเรีย แผงวงจรควบคุมการระเบิด โดยองค์คณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพในขณะนั้น ได้พิจารณามีคำพิพากษาความผิดในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิด แต่ในส่วนข้อหาพยายามฆ่านายทักษิณนั้น ได้พิจารณายกฟ้อง

 

โปรดเกล้าฯถอดยศ พร้อมเรียกคืนเครื่องราชย์ 2นายทหารสัญญาบัตร (รายละเอียด)