บิ๊กตู่ ย้ำหลายครั้งแล้ว ไม่สนใจโพล   ดี-ไม่ดี ก็จะทำงาน จับตา ความท้าทายตอนปลดล็อกการเมือง

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ผลสำรวจความคิดเห็นของ “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “อยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (ครั้งที่ 1)” ที่ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15 – 16 มีนาคม 2561 และเปิดเผยผลสำรวจเมื่อวันที่ 18 มีนาคม


โดยเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนอยากได้เข้ามาเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 62.32 ระบุว่า พรรคการเมืองพรรคใหม่ เพราะ อยากเห็นคนใหม่ๆ นโยบายใหม่ๆ แนวคิดใหม่ๆ พรรคการเมืองใหม่ๆ เข้ามาบริหารและพัฒนาประเทศไปในทิศทางที่ดีขึ้น เบื่อการบริหารงานของพรรคการเมืองเก่า และถ้าพรรคการเมืองเก่าเข้ามาก็จะทำให้เป็นแบบเดิมอีก

ร้อยละ 37.68 ระบุว่า พรรคการเมืองพรรคเก่า เพราะ มีประสบการณ์ มีความรู้ ความสามารถ ชอบการบริหารงานแบบเก่าๆ บริหารงานดีอยู่แล้ว การทำงานมีระบบ เคยเห็นผลงานมาแล้ว มั่นใจในผลงาน รู้จัก คุ้นเคยกับประชาชนเป็นอย่างดี มีความเข้าใจและสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีกว่าพรรคการเมืองพรรคใหม่
          
เมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (10 อันดับแรก) พบว่า ส่วนใหญ่ อันดับ 1 ร้อยละ 38.64 ระบุว่าเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 13.04 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคเพื่อไทย) 

อันดับ 3 ร้อยละ 12.24 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 4 ร้อยละ 6.88 ระบุว่าเป็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (พรรคอนาคตใหม่) อันดับ 5  ร้อยละ 5.84 ระบุว่าเป็น นายชวน หลีกภัย (อดีตนายกรัฐมนตรี) และ พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส (หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย) ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 6 ร้อยละ 5.12 ระบุว่าเป็น พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ (รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย) 

อันดับ 7 ร้อยละ 4.96 ระบุว่าเป็น นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อันดับ 8 ร้อยละ 2.88 ระบุว่าเป็น นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (รองนายกรัฐมนตรี) อันดับ 9 ร้อยละ 1.52 ระบุว่าเป็น นายปิยบุตร แสงกนกกุล (พรรคอนาคตใหม่) และอันดับ 10 ร้อยละ 0.72 ระบุว่าเป็น  นายสุเทพ  เทือกสุบรรณ (ประธานมูลนิธิกปปส.)

ผลโพลที่ออกมาสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีข่าวหนาหูว่า  มีพรรคการเมืองตั้งใหม่ เตรียมพร้อมสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯอีกสมัย และหากลงลึกไปอีกก็จะเห็นพรรคการเมืองเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชนปฏิรูป ของนายไพบูลย์ นิติตะวัน , พรรคพลังประชารัฐ ของนายชวน ชูจันทร์ ,พรรคพลังชาติไทยของ พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ฯลฯ 

อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของพลโพล พล.อ.ประยุทธ์ เคยพูดหลายครั้งแล้วว่า ไม่ให้ความสำคัญ เพราะโผลก็มีขึ้นๆลงๆเป็นธรรมดา ดังนั้น จึงจะมัวบ้าจี้ตามโผลไม่ได้ เมื่อตอนที่โพลตก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเมื่อวันที่ 6 มีนาคมว่า ถ้าโพลคะแนนนิยมตกแสดงว่าเราทำงานได้ผล เพราะมันจะต้องแก้ไขปัญหา เพราะถ้าทำตามใจคนทุกอย่าง โพลก็จะขึ้นทั้งหมด แต่ถามว่าถ้าตามใจวันนี้แล้วปล่อยปละละเลย ทั้งเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย และเรื่องอื่นๆให้ โพลก็จะดีขึ้น แต่บ้านเมืองนั้นแย่ลง ยืนยันว่าจะไม่ทำงานด้วยโพล อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณผู้ที่ให้กำลังใจมาโดยตลอด และขอบคุณผู้ที่มองว่าตนด้อยค่า เพราะเปรียบเสมือนกระจกส่องให้ตน โดยไม่ถือว่าเรื่องนี้เป็นอารมณ์ เพราะบางเรื่องนั้นไม่ใช่สาระและข้อเท็จจริง แล้วจะไปสนใจทำไม เมื่อไม่ได้ทำเช่นนั้น ก็ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง

“การทำงานวันนี้ไม่ได้ทำด้วยโพลหรือคะแนนนิยม แต่ทำด้วยข้อเท็จจริง มีหลักการและเหตุผล ปัญหาและอุปสรรคมีมากมายหลายอย่าง ทั้งเรื่องโครงสร้าง คน ข้าราชการ กฎหมาย จึงต้องแก้ไขกันทั้งหมด ตามดูได้เลยว่าผมทำอะไรไปบ้าง เพราะถ้าไปฟังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้ววิพากษ์วิจารณ์อย่างเดียว จากนั้นมาตัดสินมันไม่ดี ไม่ถูกต้อง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ผลโพลจะออกมาเป็นใจแก่ “บิ๊กตู่” แต่ถึงอย่างไรก็ต้องรอดูสถานการณ์โดยรวมอีกยาวๆ เพราะคะแนนของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเวลานี้ก็เพราะ คสช.ยังไม่ปลดล็อคพรรคการเมือง เวลานี้จึงมีแค่เสียงของ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช.ที่ดังออกมา ส่วนเสียงของนักการเมืองและพรรคการเมืองน้ัน ถือว่าเงียบมากหากเปรียบกับสภาพการเมืองปกติ 

ด้วยเหตุนี้จึงต้องรอดูว่า คสช.จะมีวิธีการรักษาคะแนนความนิยมอย่างไร ในช่วงไฟเขียว ปลดล็อคพรรคการเมือง นั่นแหละคือว่าท้าทาย

บิ๊กตู่ ย้ำหลายครั้งแล้ว ไม่สนใจโพล   ดี-ไม่ดี ก็จะทำงาน จับตา ความท้าทายตอนปลดล็อกการเมือง

บิ๊กตู่ ย้ำหลายครั้งแล้ว ไม่สนใจโพล   ดี-ไม่ดี ก็จะทำงาน จับตา ความท้าทายตอนปลดล็อกการเมือง